บ่ายวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) ซึ่งนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ จะเสนอแผนการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลที่เหลืออยู่กว่า 11 ล้าน 6 แสนตัน โดยเฉพาะข้าวเสื่อมที่จะนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งจะเสนอให้มีการจัดตั้งสถาบันการพาณิชย์ข้าว เพื่อดูแลการเพิ่มมูลค่าข้าวโดยเฉพาะ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อติดตามความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางแก้ไข (มาตรการเดิม) ทั้งการขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการลงทุนผ่านคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน มาตรการการเงินการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน รวมถึงรับฟังการรายงานความคืบหน้าโครงการและมาตรการต่าง ๆ ที่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
ส่วนการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท.วันนี้ มีวาระพิจารณาที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว 2 เรื่อง ได้แก่ รายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม เรื่อง การจัดการพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... และร่างพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... และรายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศฯ
พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมนายณรงค์ รัตนานุกุล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นางนฤมล ช่วงรังษี รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจ พันเอกเศรษฐพล เกตุเต็ม เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 38 หัวหน้าชุดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดน่าน ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะขบวนการค้ายาเสพติดขณะปิดล้อมจับกุมในพื้นที่บ้านห้วยละเบ้ายา ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ซึ่งทาง สำนักงาน ป.ป.ส. ยังเตรียมพิจารณาเงินช่วยเหลืออื่นๆ แก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกัน และยังพักรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
ส่วนที่กลุ่มการเมืองแสดงความเห็นเกี่ยวกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่านี่คือสาเหตุที่ต้องมีการออกกฎหมายเพื่อไม่ให้มีใครชี้นำ คนชอบก็ว่าชอบ คนไม่ชอบก็ว่าไม่ชอบ ก็แล้วแต่คนละคน แต่ไม่ให้มีการโฆษณา หรือยกป้าย โดยมอบให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าการแถลงข่าวของ กปปส.และ นปช.ผิดหรือไม่ ซึ่งที่ชัดเจนก็คือในเวลานี้มีอยู่ 2 ค่าย ทั้งยืนยันว่าการลงประชามติเกิดขึ้นแน่นอน เพราะกฎหมายออกแล้ว ยกเว้นตีกันจนลงประชามติไม่ได้
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหมและคณะ มีกำหนดเดินทางไปประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน - รัสเซีย อย่างไม่เป็นทางการ ระหว่าง 25 - 28 เม.ย.59 ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ในวาระเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ครบรอบ 20 ปี อาเซียน – รัสเซีย
พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) พร้อมด้วยนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และพล.ต.ท.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) ร่วมกันแถลงสรุปผลการปฏิบัติงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558- มีนาคม 2559 โดยระบุว่าในภาพรวมมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นและมีทัศนคติเชิงบวกต่อนโยบายของรัฐสูงขึ้น และเข้ามามีส่วนรวมในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนสามารถควบคุมตัวบุคคลเป้าหมาย 126 ราย ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 49 กระบอก ตรวจพบฐานปฏิบัติการ 7 แห่ง และสามารถทำลายความพยายามในการลอบวางระเบิด 38 ครั้ง โดยจากคดีความมั่นคง 178 คดี มีความคืบหน้าคดีสำคัญ ได้แก่ คดีคนร้ายเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ทพ.4816 เมื่อ 13 มีนาคม 2559 ที่นำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับ 12 คน ควบคุมตัวได้แล้ว 3 คน
เมียนมาที่กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนเช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในอาเซียน ซึ่งมีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส และในช่วงสุดสัปดาห์ เกิดพายุฤดูร้อนใน 5 รัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 ศพ กับมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ และเจดีย์มากกว่า 1,700 องค์ในรัฐชานทางใต้ของประเทศได้รับความเสียหาย
กระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงที่กรุงปักกิ่ง ว่าในการที่นายหวังอี้ รัฐมนตรีการต่างประเทศเดินทางเยือนอาเซียน และบรรลุความเห็นพ้องที่สำคัญกับบรูไน, กัมพูชา และลาว ว่าปัญหาทะเลจีนใต้ไม่ใช่ข้อพิพาทขัดแย้งระหว่างจีนกับอาเซียน และไม่ควรส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน
**