การมอบนโยบายการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าดารกระทรวงกลาโหม กล่าวหลัง มอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่คิดปรับโครงสร้างตำรวจ แต่รัฐบาลต้องการเพียงให้เกิดการปฏิรูปการทำงานที่กระทัดรัด ชัดเจน รวดเร็ว โดยได้ตกลงร่วมกับนายกรัฐมนตรี กับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไว้แล้วว่าภายในสิ้นเดือนนี้ จะกำหนดการปฏิรูปการทำงานของตำรวจในช่วงแรกให้เสร็จ โดยจะเป็นแนวทางการดำเนินงานในอีก 5 ปีข้างหน้า พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องการให้ประชาชนตัดสินใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ จะผ่านการทำประชามติหรือไม่ รัฐบาลทำหน้าที่เพียงวางอนาคตของประเทศเพื่อให้เกิดการดูแลได้ไปอีก5 ปีในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้เกิดการปฏิรูปตามที่วางไว้ และการที่ต้องมี สมาชิกวุฒิสภาจากการแต่งตั้งนั้นเพราะมองว่าจะทำให้เกิดความชัดเจนในการปฏิรูป แต่ใครจะไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่าอะไร เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ทุกอย่างให้ประเทศเป็นไปตามหลักสากล และหากประเทศนี้จะสงบก็อยู่ที่ตำรวจทุกคนที่จะรักษาความสงบโดยมีทหารเข้ามาร่วมช่วยเพื่อให้เกิดความยั่งยืนมั่นคงและมั่งคงตลอดไป
ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้กับตำรวจ โดยได้ฝากให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติดูแลสวัสดิการของข้าราชการ เพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยอยู่ได้ ไม่ใช่มีข่าวออกมาว่าตำรวจฆ่าตัวตายเพราะเครียดมีปัญหาเรื่องเงิน จึงอยากฝากให้ดูแลเรื่องนี้ เพื่อให้เห็นว่าเราสามารถดูแลและช่วยแก้ปัญหาได้ ย้ำรัฐบาลเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความสำคัญต่อประเทศเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากตำรวจไม่ทำงานและไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลประเทศจะเดินหน้าไม่ได้ เพราะตำรวจใกล้ชิดกับประชาชน ตำรวจทุกคนจึงมีความสำคัญ แต่หากถามว่าประชาชนพอใจไหมหรือไม่นั้นก็คงยังไม่พอใจ ซึ่งผู้บัญชาการระดับสูงเองก็กำลังเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมา ดังนั้นทุกคนจะต้องไม่เอาเปรียบประชาชน และให้ความปลอดภัยกับประชาชนโดยเฉพาะทางผู้กำกับในแต่ละพื้นที่ก็ต้องลงไปติดตามสถานการณ์ว่า มีความเคลื่อนไหวอย่างไร ซึ่งทหารเองก็ได้ดำเนินการเช่นกัน แต่ตำรวจสำคัญกว่าเพราะใกล้ชิดกว่า
ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้คำนึงถึงประเด็นสำคัญที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ว่า ทุกคนต้องรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมได้มากขึ้น ดูแลปัญหาการท่องเที่ยวในพื้นที่ของแต่ละคน ที่เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะปัญหาการหลอกหลวงไปทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความสิ่งเสียหาย รวมถึงประเด็นที่ทางนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้เกิดการบังคับใช้กฏหมายต้องทำอย่างชัดเจน และทำให้เกิดความเข้าใจ ไม่ใช่ปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะกฏหมายจราจรที่ต้องบังคับใช้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน และสิ่งสำคัญคือปัญหาการใช้โซเซียลมีเดีย ที่ขณะนี้เกิดมาเป็นจำนวนมาก เพราะเกิดการสร้างรับรู้ได้อย่างรวดเร็วดังนั้นต้องรู้จักการดำเนินการ เพราะมีการใช้โซเซียลมีเดียในการสร้างความปั่นป่วน ซึ่งถือได้ว่าโซเซียลมีเดียคือหนึ่งในสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง