*นายกฯตีแบดกับเมย์ รัชนก ขอให้ทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมหาทางให้สัญชาติไทยโค้ชจีน*

หลังการเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของ เมย์ รัชนก อินทนนท์ ว่าที่มือวางอันดับ 1 แบดมินตันหญิงของโลก  นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดี ที่ เมย์ประสบความสำเร็จได้เป็นแชมป์แบดมินตันมือ 1 ของโลก ซึ่งส่วนตัวได้ติดตามดูทั้ง 3 รายการที่เมย์ได้ลงแข่ง โดยเฉพาะในรายการสุดแม้เกมแรกจะแพ้แต่ก็สามารถเอาชนะได้ใน 2 เกมที่เหลือ ถือเป็นการล้มยักษ์ได้ และระหว่างที่ดูก็เชื่อมั่นว่าจะชนะเพราะมีความแข็งแรง ก็ต้องขอขอบเมย์ และขอบคุณทุกคนที่สนับสนุน ทำให้ประสบความสำเร็จและนำความสุขมาให้กับคนไทยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นประวัติศาสตร์ของวงการแบดมินตันที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย  นายกรัฐมนตรี ขอให้เมย์ ทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรม เพราะนักกีฬาของคนไทยก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประเทศไทย โดยเฉพาะการเผยแพร่วัฒนธรรมในการไหว้ และในบางโอกาสที่เหมาะสมก็ขอให้เมย์ได้แต่งชุดไทยด้วย  หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้โชว์ฝีมือตีโต้แบดมินตันกับเมย์ที่บริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกล่าวติดตลกว่า “ไม่ได้นับแต้มนะ”  ซึ่งการพบกันครั้งนี้ก็ได้ให้กำลังใจกับเมย์และทีมงาน ผู้ฝึกสอนทุกคน

ขณะที่ เมย์ รัชนกกล่าวว่า จากการที่ได้ร่วมตีแบตกับนายกรัฐมนตรี รู้สึกเป็นเกียรติ และมองว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนที่มีฝีมือตีแบด เพราะสามารถตีตอบโต้ได้ดี  ส่วนการเข้าพบนายกรัฐมนตรีในวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้กำลังใจ และให้พยายามเล่นให้เป็นตัวของตัวเองและขอให้ตั้งใจฝึกซ้อม ส่วนเรื่องการขอสัญชาติไทยให้กับโค้ช เซียะ จือหัว โค้ชผู้ฝึกสอน เมย์ รัชนก กล่าวว่า คิดว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีก็บอกว่ากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา อีกทั้งโค้ช เซียะ ก็อาศัยอยู่ในประเทศมานาน  ส่วนในวันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันที่ประกาศอย่างเป็นทางการในการขึ้นตำแหน่งนักแบดมินตันมือวางอันดับ 1 ของโลก เมย์ รัชนก กล่าวว่า ส่วนตัวและครอบครัวจะไม่มีการเฉลิมฉลอง แต่จะตั้งเป้าในการเข้าแข่งขันครั้งต่อไป และเตรียมทำผลงานในโอลิมปิคในปีนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งก็ขอขอบคุณทุกคนและทุกกำลังใจที่ส่งมาให้  ส่วนของขวัญที่ได้จากนายกรัฐมนตรีในวันนี้เป็นกระเป๋า otop ลายผ้าขาวม้าสีชมพู ซึ่งส่วนตัวก็ชื่นชอบและจะนำไปใช้

ด้าน โค้ชเซียะ จือหัว ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลไทย ที่จะให้สัญชาติ เพราะส่วนตัวอยู่เมืองไทยมา 24ปี ฝึกสอนเมย์มาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ มีความผูกพันเหมือนพ่อลูกและคิดตลอดว่าเป็นคนไทย และเวลาที่ไปแข่งต่างประเทศ แล้วเมื่อชนะ ได้เสียงเพลงชาติไทยและธงชาติไทย จะรู้ดีใจและภูมิไจ และจากนี้ไปเวลาเดินทางก็จะได้รับความสะดวกโดยไม่ต้องขอวีซ่า และตั้งใจที่จะฝึกสอนและดูแลเมย์ต่อไป