*สรุปข่าว 19.35น*
+++พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่เชิญ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย มาพูดคุยทำความเข้าใจและขอความร่วมมือว่า เป็นเรื่องดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ที่มองถึงพฤติกรรมสะสมของนายวัฒนา ในวันนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้เชิญ น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาว นายวัฒนา พร้อมครอบครัว เข้ามารับฟังการอธิบายถึงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ต้องเชิญตัวนายวัฒนาเข้ามาพูดคุยที่ มทบ.11 โดยได้มีการอธิบายตั้งแต่ข้อกฎหมายที่นายวัฒนาได้ทำผิดเงื่อนไข พร้อมกับเปิดโอกาสให้บุตรสาวและครอบครัวได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทุกข้อสงสัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาพูดคุย พร้อมทั้งได้นำบันทึกที่นายวัฒนาได้ลงนามมาให้ดูจนเป็นที่เข้าใจ โดยได้นำตัวนายวัฒนา กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้บุตรสาวและครอบครัว โดยจะจัดยานพาหนะให้เดินทางไปพบนายวัฒนา แต่บุตรสาวและครอบครัวได้ปฏิเสธ พร้อมกับแจ้งว่าวันนี้เย็นแล้ว แต่จะเดินทางไปพบนายวัฒนาเองในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ทั้งนี้ได้ใช้เวลาพูดคุยประมาณ 20 นาที ก่อนที่บุตรสาวและครอบครัวของนายวัฒนาจะเดินทางกลับไป
++++สถานที่ควบคุมตัวนายวัฒนานั้นคือค่ายสุรสีห์ พล.ร. 9 จ.กาญจนบุรี โดยมีการจัดพื้นที่อำนวยความสะดวกให้ในส่วนของอาคารแยกออกจากหน่วยทหาร เป็นห้องแอร์ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทหารจะดูแลอย่างดี ซึ่งนายวัฒนา ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องพักรับรอง ไม่ค่อยออกมาเดินภายนอก โดยทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารพยายามเจรจาให้นายวัฒนาร่วมมือ ไม่เช่นนั้นทางเจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องยื่นฟ้องร้องทางคดี เนื่องจากฝ่าฝืนและขัดประกาศ คสช. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบว่านายวัฒนาจะถูกคุมตัวกี่วัน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความร่วมมือของนายวัฒนา แต่คาดว่าไม่เกิน 7 วัน
+++นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม. ถึงกรณีที่น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาวของนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ยื่นร้องสหภาพยุโรป(อียู) เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนายวัฒนา จากการถูก คสช.ควบคุมตัว ว่า กระทรวงต่างประเทศ ได้พบกับเอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ในช่วงบ่ายวันนี้(19 เม.ย.) เพื่อหารือในหลายเรื่อง ซึ่งรวมทั้งกรณีของนายวัฒนา โดยจะอธิบายให้อียูเข้าใจสถานการณ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และชี้แจงบทบาทของทหารที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงตามประวัติศาสตร์การเมืองของไทย โดยเฉพาะช่วงปี 2557-2559 ที่อยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศตามโรดแม็พของ คสช.ที่ทหารเข้ามาแก้ปัญหา และวางพื้นฐานให้กับประเทศ เนื่องจากทูตจากประเทศอียูอาจไม่เข้าใจความเป็นมา และสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่าที่ควร และหลายสิ่งที่เกิดขึ้นมีปัจจัยที่ต่างประเทศไม่ควรมองเพียงผิดเผิน หรือเฉพาะหน้า เพราะมีหลายมิติที่เกี่ยวข้องกับการเมืองไทย ตนเชื่อว่าหลังจากที่เราชี้แจงไปแล้ว เขาจะเข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆ มากขึ้นโดยภาพรวมถือว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทยไม่ได้มีปัญหา และในรายงานพบว่าบางส่วนมีต้นตอมาจากต่างประเทศ ที่ให้ข้อมูล เนื่องจากทางอียูและสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญกับการใช้ล็อบบี้ยิสต์ โดยข้อมูลส่วนใหญ่เราสามารถโต้แย้งและชี้แจงให้เขาเข้าใจได้
+++นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า วันนี้ (19 เมษายน2559) เวลา 14.17 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด หรือ พีค (Peak) อยู่ที่ 28,351.7 เมกะวัตต์ ทำลายตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 จากพีคครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งมีการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 27,639.3 เมกะวัตต์ สาเหตุสำคัญมาจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยวันนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 36.6 อาศาเซลเซียส และเป็นช่วงวันทำงานปกติหลังจากการหยุดเทศกาลสงกรานต์ จึงมีการใช้ไฟฟ้าทั้งภาคอุตสาหกรรม บริการ และบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
+++การพิจารณาความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสอบสวนคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก ตร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กองคดีและกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาข้อบกพร่องของคณะพนักงานสอบสวน โดยจะนำความเห็นของกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาพิจารณาด้วย ซึ่งคาดว่า ผลการตรวจสอบจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ก่อนส่งเรื่องกลับมาให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) พิจารณาอีกครั้ง หากพบว่า มีความบกพร่องจริง ก็ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามระเบียบขั้นตอนต่อไป ซึ่งพนักงานสอบสวนที่กำลังถูกพิจารณาความข้อบกพร่องในคดีนี้ มีทั้งหมด 9 นาย และส่วนตัวยอมรับว่า มีบางคนที่เข้าข่ายบกพร่องจริง
+++++รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกสถิติข้อมูลการบังคับใช้กฎหมายดำเนินคดีอาญาเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด 16 ราย รวม 19 ข้อหา คิดเป็นจำนวนเงินค่าปรับ 28.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ211 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่เพียง 9.26 ล้านบาท รวมถึงมีการกล่าวโทษ 38 ราย รวม 14 คดี สำหรับเรื่องที่ถูกร้องเรียนมีทั้งหมด 14 เรื่อง ได้แก่ การกระทำอันไม่เป็นธรรม เช่น ปั่นหุ้น, แพร่ข่าว, ใช้ข้อมูลภายใน ในการซื้อขายหุ้น(อินไซด์) 8 เรื่อง , การประกอบธุรกิจโดยไม่มีใบอนุญาต 5 เรื่อง และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แนะนำการลงทุน 1 เรื่อง
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดวัน จากหุ้นกลุ่มใหญ่ตอบรับปัจจัยบวกในประเทศอย่างหนาแน่น หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีไฟเขียวมาตรการด้านเศรษฐกิจและการลงทุนออกมาอย่างแน่นขนัด ทำให้หุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะรับเหมาก่อสร้างปรับตัวคึกคักจากการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารถือว่ามีทิศทางเชิงบวก ส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดที่ 1,416 จุด เพิ่มขึ้น 17.23 จุด มูลค่าการซื้อขาย 57,371.16 ล้านบาท
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดเพิ่มขึ้น หลังได้ปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน และจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 598.49 จุด ที่ 16,874.44 จุด
+++สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดคุมาโมโตะ บนเกาะคิวชูทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศว่า สนามบินจังหวัดคุมาโมโตะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันนี้ เพื่อรองรับเที่ยวบินพาณิชย์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุแผ่นดินไหวมาหลายระลอกในท้องที่นั้น ขณะที่ตัวเลขรวมของผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 45 ศพ ทีมกู้ภัยยังคงเดินหน้าค้นหาผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคาร 3 วันหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวรอบสองขนาด 7.3 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นอกจากการเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวโดยตรงแล้ว พบการเสียชีวิตรายแรกจากกลุ่มอาการที่เรียกว่าโรคอีโคโนมี คลาส ซินโดรม ผู้เสียชีวิตเป็นสตรีวัย 51 ปี เริ่มป่วยเมื่อวานนี้และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา แพทย์ระบุว่าเธอเสียชีวิตจากภาวะหลอดเลือดปอดและขาอุดตัน หรือที่เรียกว่า โรคอีโคโนมี คลาส ซินโดรม จากการพักอาศัยในสถานที่คับแคบเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้ผู้รอดชีวิตหลายคนต้องค้างแรมอยู่ในรถยนต์ ถึงวันนี้ ประชาชนราว 117,000 คนอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวในจังหวัดคุมาโมโตะ และจังหวัดโออิตะซึ่งอยู่ติดกัน
+++ภาพถ่ายจากโดรนของศูนย์วิทยาศาสตร์แผนที่และการสำรวจของญี่ปุ่นย้ำให้เห็นว่า เหตุใดการกู้ภัยจึงทำได้อย่างยากลำบาก สภาพความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวไม่เพียงแต่เกิดรอยแยกของถนนและผิวดินเท่านั้น แต่ถนนและสะพานหลายแห่งเสียหายจากดินสไลด์ที่เป็นผลจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
สำนักบริหารอุบัติภัยของจังหวัดคุมาโมโตะ เพิ่มเติมว่า มีคนสูญหายอีก 9 คนและอาคารบ้านเรือนกว่า 3,000 หลังเสียหาย เกาะคิวชูถือว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์อีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ทั้งบริษัทโตโยตา, นิสสัน, มิตซูบิชิและไดฮัทสุ ล้วนมีโรงงานผลิตรถตั้งอยู่ที่นั่น ทำการผลิตรถยนต์ราว 1,500,000 คันจากทั้งหมด 9,000,000 คันที่ผลิตในญี่ปุ่นในแต่ละปี โดยบริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งรวมถึงโตโยต้าระบุว่าการผลิตรถยนต์ของบริษัทฯได้รับผลกระทบ ขณะที่โรงงานผลิตรถจักรยานยนต์แห่งเดียวบนเกาะคิวชูของบริษัทฮอนดาระงับการผลิตไว้ชั่วคราวเช่นกัน