ปธน.สหรัฐยอมรับความผิดพลาดในการโค่นอำนาจกัดดาฟี/จี7ออกปฏิญญาฮิโรชิมา/เกาหลีเหนือรบกวนจีพีเอสเกาหลีใต้*

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐอเมริกา ยอมรับว่า ความผิดพลาดที่เลวร้ายที่สุด ในการทำหน้าที่ประธานาธิบดีของเขาคือ ขาดการวางแผนที่รอบคอบหลังการโค่นอำนาจพ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย เมื่อปี 2554 ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีโอบามายังกล่าวว่า การปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ไอเอส คือเป้าหมายสูงสุด ทั้งยังกล่าวว่า ได้เห็นบทเรียนที่เกิดขึ้นในยุโรปตั้งแต่ตุรกี จนถึงเบลเยียมที่กลุ่มไอเอสยังสามารถก่อเหตุร้ายได้ต่อเนื่อง แต่สหรัฐจะกดดันกลุ่มไอเอส โดยใช้แนวทางทางการทูตและการข่าวกรอง รวมทั้งปฏิบัติการทางทหาร

นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี7) เดินทางเยือนอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา เพื่อแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการคัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และในปลายเดือนหน้า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ จะเดินทางเยือนฮิโรชิมาในระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ จี7 ที่ญี่ปุ่น

จากนั้น ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ จี7 ออกปฏิญญาฮิโรชิมาเรียกร้องให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสร้างความเสียหายและความเจ็บปวด โดยพฤติกรรมข่มขู่คุกคามของเกาหลีเหนือคือความท้าทายสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังคัดค้านการที่จีนแสดงพฤติกรรมยั่วยุในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่หลายชาติมีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน

ทางการเกาหลีใต้ ส่งหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ร้องเรียนกรณีเกาหลีเหนือส่งสัญญาณรบกวนระบบจีพีเอสในเกาหลีใต้มาตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของเครื่องบินพลเรือนและการเดินเรือน รวมถึงละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยพบการรบกวนสัญญาณจากเขตแฮจู, โยนัน, เปียงยาง, กึมกุง และแกซอง ของเกาหลีเหนือ

องค์การนิรโทษกรรมสากล ฮิวแมนไรท์วอทช์ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนอีก 4 กลุ่มออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อยื่นข้อเรียกร้อง 8 ข้อ 1 ในนั้นคือการเรียกร้องให้ เลขาธิการประชาชาติคนต่อไป มีการบังคับใช้กฎบัตรสหประชาชาติเพื่อป้องกันการกระทำที่โหดร้ายอาทิ การโจมตีพลเรือนในภาวะสงคราม โดยผู้สมัครเป็นเลขาธิการสหประชาชาติต่อจากนายบัน คี มูน จะต้องกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

ที่เมืองทางใต้ของรัสเซีย เกิดเหตุคนร้าย 3 คน จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ใกล้ที่ทำการสถานีตำรวจเขตสตัฟโรปอล แต่เหตุการณ์นี้มีความสูญเสียจากฝ่ายคนร้ายฝ่ายเดียว เพราะเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำการอยู่ที่บริเวณทางเข้า เห็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยแสดงพิรุธจึงรีบปิดประตู ก่อนที่คนร้ายจะจุดชนวนระเบิด พร้อมด้วยลูกระเบิดแบบขว้างอีก 1 ลูก

สื่อออสเตรเลียรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดเหตุนักโทษชื่อเบอร์แฮน ไรชี วัย 18 ปี ในเรือนจำเคมป์ซีย์ทางเหนือของซิดนีย์ ทำร้ายเพื่อนร่วมห้องขังด้วยการใช้มีดโกนสลักคำว่า "e4e" ที่ย่อมาจาก "eye for an eye" หรือตาต่อตา ซึ่งเป็นคำขวัญของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่หน้าผาก จากนั้นนำผ้าขนหนูมาโปะหน้าเขาแล้วราดด้วยน้ำร้อน ทำให้นักโทษผู้นี้ซึ่งเคยเป็นทหารต้องถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล

ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเปรู นางเคโกะ ฟูจิโมริ บุตรีของอดีตประธานาธิบดีอัลเบร์โต ฟูจิโมริ มีคะแนนนำนายเปโดร ปาโบล คูซินสกี อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ร้อยละ 39.18 ต่อร้อยละ 24.25 แต่เนื่องจากนางฟูจิโมริมีคะแนนไม่ถึงร้อยละ 50 ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งชี้ขาดอีกรอบในวันที่ 5 มิถุนายนนี้ โดยผู้สมัครทั้ง 2 คนต่างเป็นผู้ที่ให้คำมั่นว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และต่อสู้กับปัญหาอาชญากรรม

ชาวโคโซโว อัลบาเนียน เข้าร่วมพิธีรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากสงครามโคโซโวครบรอบ 17 ปี ที่หมู่บ้านอิซบิคา โดยในสงครามโคโซโวกองทัพเซอร์เบียสังหารหมู่ประชาชน 150 คน ซึ่งนำไปสู่วิกฤตการณ์ และสหประชาชาติลงมติส่งกองกำลัง นำโดยนาโต้และสหรัฐเข้ายับยั้งสงคราม ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังมีกองกำลังนานาชาติประจำการอยู่

จากเหตุเพลิงไหม้ที่วัดฮินดูเมื่อวันอาทิตย์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 109 ศพบาดเจ็บมากกว่า 300 คน ตำรวจรัฐเกรละทางใต้ของอินเดียแถลงตั้งข้อหาเบื้องต้นกรรมการวัด 3 คนกับบริษัทดอกไม้ไฟอีก 3 คนฐานก่อเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต จากการจุดพลุและดอกไม้ไฟโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ผู้ต้องหารายหนึ่งยังได้รับบาดเจ็บกำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่วนอีก 5 คนหลบหนีไป

กระทรวงศึกษาธิการมาเลเซียสั่งปิดโรงเรียนกว่า 250 แห่งในรัฐปะลิสและรัฐปะหัง เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดอุณหภูมิสูงกว่า 37 องศาเซลเซียส เป็นเวลากว่า 72 ชั่วโมง และทำให้มีความกังวลสุขภาพของนักเรียนราว 100,000 คน นอกจากนี้สภาพอากาศร้อนในมาเลเซียยังทำให้พืชผลทางการเกษตรมีราคาแพงขึ้น

ที่ประชุมรัฐสภาเวียดนาม ผ่านความเห็นชอบร่างความตกลงทางการทูตระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ว่าด้วยการให้หนังสือนำตรวจลงตราเข้าประเทศ หรือวีซ่า เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างสองประเทศ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ ก็เห็นชอบให้ออกวีซ่าเข้าประเทศประเภทที่ให้สามารถเดินทางเข้าออกได้หลายครั้งระยะเวลา 1 ปี แก่พลเมืองชาวเวียดนาม

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,556.41 จุด ลดลง 20.55 จุด หรือร้อยละ 0.12

ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,833.40 จุด ลดลง 17.29 จุด หรือร้อยละ 0.36

ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,041.99 จุด ลดลง 5.61 จุด หรือร้อยละ 0.2

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ หลังจากมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง และจีนนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ หรือร้อยละ 1.6 ปิดที่ 40.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือร้อยละ 2.1 ปิดที่ 42.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

..