กิจกรรมสงกรานต์ปลอดภัย ประชารัฐร่วมใจ ไร้ยาเสพติด โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการ หรือผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ไม่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ด้วยการไม่รับฝากของจากคนแปลกหน้า บริเวณจุดจอดแท็กซี่ ลานจอดรถระยะยาว สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งขอความร่วมมือช่วยกันเป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแสยาเสพติดผ่านทางสายด่วน ปปส.1386

นายจรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนมีความต้องการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะเป็นจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง กรมการขนส่งทางบกจึงจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบหาสารเสพติด พร้อมตรวจสอบความพร้อมของตัวรถ และตรวจสอบความพร้อมของการให้บริการ ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ เช่น การปฏิเสธผู้โดยสาร ไม่ส่งผู้โดยสารตามสถานที่ที่ตกลงกันไว้ ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารและเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด ซึ่งหากพบจะมีโทษขั้นสูงสุด และจะถูกส่งเข้าอบรมเพื่อสร้างจิตสำนึกในการให้บริการที่ดี จากผลการตรวจสอบการให้บริการรถแท๊กซี่ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิในรอบ 6 เดือน (ตุลาคม2558-มีนาคม 2559) พบผู้กระทำความผิดรวม 836 ราย ส่วนใหญ่เป็นความผิดในเรื่องสภาพตัวรถไม่พร้อม ไม่ตรวจรอบมิเตอร์ตามระยะเวลาที่กำหนด จึงลงโทษตามข้อหาความผิดแล้วทุกราย

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศกาลสงกรานต์ 2559 กรมการขนส่งทางบกตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุของรถโดยสารสาธารณะที่มีสาเหตุมาจากตัวรถหรือผู้ขับให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยเน้นให้พนักงานขับรถทุกคน ไร้สารเสพติด และแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ ซึ่งจะมีการตรวจสอบพนักงานขับรถก่อนการปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง หากพบความผิดปกติจะเปลี่ยนตัวคนขับทันที และหากพบความผิดขณะปฏิบัติหน้าที่จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ประกอบการมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท โดยในวันนี้มีรถแท๊กซี่ที่ลงทะเบียนร่วมโครงการประมาณ 3 พันคัน
..
ผสข.พนิตา สืบสมุทร