ชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อการแก้ปัญหาบ้านเมืองโดยนักการเมือง พบว่าประชาชนร้อยละ 58.8 ยังลังเล ไม่แน่ใจว่านักการเมืองจะแก้ปัญหาบ้านเมืองในอนาคตได้ดีกว่ารัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ร้อยละ 24.7 ไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมือง ขณะที่ร้อยละ 16.5 เชื่อมั่นต่อนักการเมือง
เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกตามจุดยืนทางการเมือง คือกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลและคสช. กลุ่มไม่สนับสนุน และกลุ่มพลังเงียบหรือกลุ่มที่เป็นกลางนั้น พบว่ากลุ่มพลังเงียบ ร้อยละ 63.9 ยังลังเล ไม่แน่ใจว่านักการเมืองจะแก้ปัญหาของบ้านเมืองในอนาคตได้ดีกว่ารัฐบาลและคสช. ขณะที่ร้อยละ 35.1 ของกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลและคสช. เชื่อมั่นต่อนักการเมือง แต่ในกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลและคสช. ร้อยละ 32.1 ไม่เชื่อมั่นนักการเมือง ต่อข้อถามว่ามีใครหรือไม่ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. พบว่าประชาชน ร้อยละ 76.1 ระบุว่ายังไม่มีคนอื่นที่เหมาะสมกว่า ขณะที่ร้อยละ 23.9 เห็นว่ามีคนอื่นที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายนภดล กรรณิกา ประธานชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัย ซุเปอร์โพล กล่าวว่า กลุ่มพลังเงียบคือ ตัวแปร สำคัญที่กำหนดทิศทางสถานการณ์ความสงบของบ้านเมือง โดยรัฐบาลและทุกฝ่ายควรมีการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเรื่องความมั่นคงให้ความสำคัญต่อการตัดสินใจของกลุ่มพลังเงียบ มีสิทธิ มีเสียง มีพลัง มีบทบาทสำคัญต่ออนาคตของบ้านเมือง ให้อยู่เย็นเป็นสุขได้ เพราะหากปล่อยให้กลุ่มคนที่สนับสนุนและไม่สนับสนุนนักการเมืองมีพลัง “ห้ำหั่น” กันเพียงเพียงเดียว อาจจะนำพาประเทศไปสู่วิกฤตการณ์แห่งความรุนแรงซ้ำซากได้
แบบสำรวจนี้ สอบถามประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 15 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา มุกดาหาร ขอนแก่น อุดรธานี ปทุมธานี ลพบุรี นครปฐม ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา และนราธิวาส จำนวน 5,039 คน ระหว่างวันที่ 15 มี.ค.-8 เม.ย.