การพิจารณาคำถามพ่วงประชามติ ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้พิจารณาวาระประเด็นคำถามของสนช. ที่จะเสนอต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อใช้ในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายกล้าณรงค์ จันทิก คณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความคิดเห็นในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ได้เสนอคำถามพ่วงการทำประชามติต่อที่ประชุมสนช. โดยเสนอให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาเลือกบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาล สมาชิกมีการอภิปรายกันต่อเนื่อง โดยมีผู้อภิปรายจำนวน 4 คน เช่น นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช เห็นพ้องด้วยกับคำถาม พร้อมเสนอว่าควรให้ ส.ว. มีสิทธิลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีได้ ในกรณีทุจริตคอรัปชั่นด้วย แต่ไม่มีสิทธิยื่นญัตติและอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช.ก็อภิปรายเห็นพ้องกับคำถามดังกล่าวโดยให้เหตุผลว่าจะทำให้ประเทศผ่านพ้นกับดักความขัดแย้งไปได้ หลังการเปิดให้ที่ประชุมอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว ที่ประชุม มีมติที่จะตั้งคำถามพ่วงในทำประชามติ 1 คำถาม ด้วยคะแนน 142 เสียง ไม่เห็นด้วย 16 เสียง
ที่ประชุมสนช. มีมติเห็นด้วยกับคำถามพ่วงที่ได้มีการเสนอกันมาก่อนหน้านี้ ด้วยคะแนน 152 เสียง งดออกเสียง15 เสียง ไม่เห็นด้วยไม่มี คือ ให้สว.สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรก โดยให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบบุคคล เพื่อแต่งตั้งบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ควรกำหนดในบทเฉพาะกาล หลังจากนี้ สนช. จะส่งคำถามไปยังกกต. เพื่อดำเนินการจัดทำให้ประชาชนลงประชามติต่อไป
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี