พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง กรณีที่สำนักข่าวเอพีได้รายงานว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)จำกัดอำนาจของทหาร หลังมีคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2559 โดยระบุว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. รู้สึกไม่สบายใจกับความเห็นดังกล่าว เพราะการแสดงความเห็นอย่างนี้ไม่ใช่เป็นการแสดงความเห็นครั้งแรก ทั้งๆที่ได้มีชี้แจงอธิบายแล้ว หลายครั้ง เหมือนพยายามไม่เข้าใจว่าข้อเท็จจริงคืออะไร และเรียกร้องในสิ่งที่สวนทางกับความเป็นจริง เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศไทย ขณะนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาปกติ การออกคำสั่งของคสช. แต่ละครั้ง มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการงานให้รวดเร็วขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงอำนาจศาลโดยทหาร เพราะหากมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ก็จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อสู้คดี ทั้งศาลพลเรือน และศาลทหาร โดยเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ไม่ว่าจะตัดสินความถูกผิดหรือยึดทรัพย์ก็ตาม
นายกรัฐมนตรีอยากให้โฆษกกต. สหรัฐฯ หรือแม้แต่สื่อมวลชน เข้าใจว่า นักโทษที่หลบหนีคดี กลุ่มนปช. กลุ่มนักศึกษา กลุ่มต่อต้านสถาบัน ทุกคนรู้ดีว่าตัวเองทำผิดกฎหมาย แต่อ้างเรื่องสิทธิมนุษยชนเพื่อให้ดูดี ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับกฎหมาย การกระทำผิดทุกกรณีมีหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการใช้อาวุธสงคราม หรือเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งล้วนแต่เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองทั้งสิ้น จึงอยากถามกลับไปว่าในประเทศของท่าน ทุกคนมีเสรีภาพที่จะกระทำการที่ผิดกฎหมายเช่นนี้ได้ใช่หรือไม่
นายกฯ และ หัวหน้าคสช. เรียกร้องให้ถามคนไทยส่วนใหญ่ว่าเขาพอใจที่บ้านเมืองสงบ และรังเกียจผู้ที่ละเมิดกฎหมายหรือใช้ความรุนแรงอย่างไร รวมทั้งขอให้สื่อมวลชนช่วยกันสื่อสารออกไปบ้างว่า ให้นักโทษหนีคดีกลับมาต่อสู้คดีในประเทศ ไม่นำเสนอแต่เพียงเรื่องข้อเรียกร้องของกลุ่มการเมือง นปช. หรือล็อบบี้ยิสต์ เพราะหากยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ แม้จะอ้างว่าตัวเองทำถูกต้อง 1 คดี แต่คดีอื่นๆ อีกเป็นสิบ จะว่าอย่างไร และไม่ใช้ประเทศอื่นเป็นเวทีให้ร้ายบ้านเกิดเมืองนอนอย่างไม่ใยดี