หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเรื่องการประเมินผลข้าราชการพลเรือน และหน่วยงานพลเรือน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายทหาร ว่า จะมีการประเมินใน 2 ระดับ โดยจะประเมินในระดับบุคคล ของข้าราชการในระดับ ซี 10 ขึ้นไป ทั้งระดับอธิบดี และรองอธิบดี และประเมินหน่วยงานของรัฐบาล โดยเลขา กพ. และกพร. จะรวบรวมข้อมูลจากภาคประชาชน โดยจะรวบรวมจากจุดร้องเรียนต่างๆ ที่รัฐบาลจัดไว้ ก่อนนำเสนอนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้ในการปรับย้ายตำแหน่ง โดยระบุว่า ไม่ถือเป็นการกลั่นแกล้ง แต่จะเป็นแรงจูงใจให้เข้าหน้าที่ขยันทำงานมากขึ้น
การประเมินจะพิจารณาจาก 5 เรื่อง คือ งานตามภารกิจหน้าที่ได้รับโดยปกติ , งานในพื้นที่ ประเมินจากการลงพื้นที่ ติดตามข้อมูล และการแก้ไขปัญหา ,งานภารกิจพิเศษที่ส่วนกลางมอบหมายให้ ,งานที่เป็นความรู้ ความสามารถ และทักษะส่วนตัว ,การเป็นนักบริหาร สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ โดยการประเมินขึ้นอยู่กับสายงานของข้าราชการที่จะต้องประเมินในหัวข้อต่างๆ แต่ต้องประเมินไม่น้อยกว่า 3 หัวข้อ เพื่อประสิทธิภาพของข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติเงินไม่เกิน 1 หมื่น 5 พันล้านบาท ในโครงการยกระดับฐานราก ตามนโยบายประชารัฐซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ ตำบลละ 5 ล้าน ที่จะมอบให้แต่ละหมู่บ้านภายในวงเงิน 2 แสนบาท ซึ่งการยกระดับหมู่บ้าน เพื่อจะใช้ในเรื่องของเศรษฐกิจ และสาธารณประโยชน์ในหมู่บ้าน โดยงบประมาณส่วนนี้จะเข้าอุดช่องโหว่ของโครงการตำบลละ 5 ล้าน ที่เน้นเศรษฐกิจควบคู่สังคม โดยใช้กลไก กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน โดยนายกรัฐมนตรี กำชับไม่ให้ล่าช้า ตอบสนองความต้องการของคนในชุมชน. ซึ่งงบประมาณจะสั่งจ่ายจากกระทรวงมหาดไทย ไปในแต่ละอำเภอ หมู่บ้าน ที่จะต้องดูแลโครงการของตนเองไม่ให้เงินรั่วไหล ทั้งนี้กระทนวงมหาดไทยจะเร่งสร้างความเข้าใจ กับประชาชนในพื้นที่ ไม่เกินเดือนเมษายนนี้ และจะเริ่มให้เสนอโครงการในวันที่ 1 พฤษภาคม และต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จ ภายใน 3 เดือน คือวันที่ 31 กค. 59