*คนไทยร่วมฟอกเงินปานามา21คน/กกต.ตั้งเป้าคนลงประชามติ80%/คนไทยกินเค็มป่วยไตเพิ่ม

04 เมษายน 2559, 18:49น.


*สรุปข่าว 19.35น*  



+++หลังสมาคมผู้สื่อข่าวสอบสวนนานาชาติ ออกมาเปิดเผยเอกสารลับการทำงานของบริษัทแห่งหนึ่งด้านกฎหมายในปานามา ที่ช่วยเหลือลูกค้ารายใหญ่ทั้งนักการเมือง และผู้นำประเทศทั่วโลกในการฟอกเงินและหลีกเสียงภาษี โดยมีการเชื่อมโยงกับคนไทย 21 คนพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กระทรวงยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คงจะมีการตรวจสอบ โดยไม่ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการ เชื่อว่าหลังจากนี้สมาคมดังกล่าวจะทยอยเปิดเผยข้อมูลออกมาเรื่อย ๆ  หากพบว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องและกระทำผิดจริง จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการปราบปรามคอร์รัปชั่นเป็นวาระแห่งชาติ และรัฐบาลทำเต็มที่เพื่อปราบปรามกับปัญหาเหล่านี้มาตลอด เชื่อว่าหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการตรวจสอบและติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง



+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยังรอที่ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)  เสนอให้ตั้งคำถามพ่วง ในการทำประชามติ เห็นด้วยหรือไม่ ในระยะ 5 ปีแรก นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ ให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากความเห็นชอบของรัฐสภา  คือให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน  ถ้าส่งไปสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อาจจะเปลี่ยนคำถาม นำมาผสม หรือจะทิ้งเลยก็ได้ ดังนั้น ต้องรอดูขั้นสุดท้ายที่ สนช.ว่าจะตั้งได้ครอบคลุมขนาดไหนแล้วแปลว่าอะไร ส่วนในวันที่ 11 เมษายน  ได้นัดหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาหารือ เรื่องค่าใช้จ่าย  วิธีการในการลงประชามติ 



+++คณะกรรมการการเลือกตั้ง  ประชุมชี้แจงผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อซักซ้อมแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกเสียงนายธีรวัฒน์  ธีรโรจน์วิทย์  กกต.ด้านพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ  ตั้งเป้า ให้มีคนออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 80 เพื่อไม่ให้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่า ไม่ให้ถูกมองว่าผลาญงบแต่ทำอะไรไม่สำเร็จ



+++นายสมชัย ศรีสุทธิยากร  กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง  กล่าวว่า เอกสารที่ กกต.จะจัดส่งพร้อมหนังสือแจ้งเจ้าบ้านนั้น  จะมีด้วยกัน 12 หน้า  หน้าแรกคือปกหน้า หน้าที่ 2-3 เป็นการกล่าวถึงกระบวนและขั้นตอนการออกเสียงประชามติ  หน้า 4-7 เป็นการสรุปย่อสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ โดยส่วนนี้จะมาจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ  ส่วนหน้า8-9 จะให้ฝ่ายที่เห็นชอบเขียนเองว่าเหตุใดต้องรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้  ส่วนอีกสองหน้าคือ หน้า 10-11 เราก็จะให้ฝ่ายที่ไม่เห็นชอบเขียนระบุว่าเหตุใดจึงไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้  และหน้าสุดท้ายคือหน้าของ กกต.  ซึ่งเป็นปกหลังที่จะต้องชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่าการออกเสียงเป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง



+++นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้า การพิจารณาเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ของไทย ซึ่งขณะนี้ผลการศึกษาของสถาบันปัญญาภิวัฒน์ ระบุว่าไทยควรจะเข้าร่วม TPP เพราะไทยจะได้รับประโยชน์มากกว่าโดยได้กำชับให้ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อมแนวทางแก้ไขในอนาคต พร้อมได้สั่งการให้กระรวงพาณิชย์จัดตั้งคณะทำงานด้านๆเพื่อศึกษารายละเอียด และขอให้กำหนดกรอบระยะเวลาการดำเนินงานที่ชัดเจน ก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาในวันที่29 เม.ย.2559 ซึ่งคาดว่า นักลงทุนต่างชาติเองก็กำลังรอฟังท่าทีของไทยอยู่



+++นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ได้คงเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี59 ที่ ร้อยละ3-3.5 โดยมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากภาครัฐผ่านงบประมาณกลางปี , มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐทยอยประกาศออกมา, การเร่งรัดผลักดันแผนลงทุนในเมกะโปรเจกต์ และแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว ส่วน ภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับทรงตัว โดยการใช้จ่ายภาครัฐและภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ



+++ส่วนภาคส่งออกที่พลิกกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 14 เดือน แค้ยังคงไม่ได้บ่งบอกถึงสัญญาณฟื้นตัวของภาคส่งออกอย่างชัดเจน เนื่องจากมีสาเหตุจากปัจจัยชั่วคราวจากการส่งออกทองคำและรายการพิเศษ กกร. ประเมินว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการส่งออก ยังคงได้รับแรงกดดันจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก ทำให้คาดว่าการส่งออกในปี 59 ขยายตัวได้ที่ ร้อยละ 0-2 ต่ำกว่าจากเดิมคาดการณ์เป็นบวกอ่อนๆ ที่ระดับร้อยละ 2 สอดคล้องกับทิศทางที่ชะลอลงของการค้าโลก



++++ นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนมีนาคม สะท้อนความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า คือ เดือนมิถุนายน พบว่าอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวที่ 96.14 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.95 นักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 96.53  ขณะที่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศลดลงอยู่ที่ 87.50 ลดลงจาก 100 เมื่อเดือนก่อน ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ  แต่นักลงทุนต้องระวังเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่มีทั้ง 2 ทิศทาง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังต้องระวัง โดยเฉพาะกำลังซื้อระดับรากหญ้าที่ยังต้องมีการประคองให้กำลังซื้อเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม เพราะเม็ดเงินลงทุนของภาครัฐจะเข้าสู่เศรษฐกิจมากขึ้น



+++หลังประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นฟ้องศาลปกครองกลางกรณี ปตท. ไม่คืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดนั้น นายสุพจน์ เหล่าสุอาภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สำนักกฎหมาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท. ยังไม่ทราบรายละเอียดของคำฟ้อง เนื่องจากยังไม่ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องจากศาล โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะรับฟ้องหรือไม่   ยืนยัน  ปตท. เคารพและปฏิบัติตามคำสั่งศาลตลอดมา ซึ่งประเด็นการยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเรื่องการคืนท่อส่งก๊าซฯ นี้ ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาลฯ มาตั้งแต่ปี2550–2555จำนวน 4 ครั้ง โดยศาลปกครองได้มีคำสั่งยืนยันทั้ง 4 ครั้งว่า ปตท. ได้คืนและแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาให้แก่กระทรวงการคลังเรียบร้อยแล้ว   ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคำสั่งยืนยันอีกครั้งว่า ปตท. ได้ส่งคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่กระทรวงการคลังครบถ้วนตามคำพิพากษาแล้วตั้งแต่ปี 2551 การขอให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ ปตท. ส่งคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติทั้งหมดอีกนั้น จึงเป็นการดำเนินคดีซ้ำ ศาลไม่อาจรับฟ้องไว้พิจารณาได้อีก 



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,400.27 จุด ลดลง 0.45 จุด มูลค่าการซื้อขาย 36,057.01 ล้านบาท ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน โดยตลาดในยุโรปบ่ายนี้ที่เทรดกันก็อยู่ในแดนบวกเล็กน้อย หลายตลาดฯกำลังรอปัจจัยใหม่ที่มีความชัดเจน



++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดปรับตัวลงในวันนี้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มส่งออกได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่า อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ ลดลง40.89 จุด ที่ 16,123.27 ปิดที่ต่ำสุดในรอบ 1 เดือน



+++หลังพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ออกหมายเรียก พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในฐานะผู้ต้องหาคดี สมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร กรณีมีชื่อรับเช็คจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วันที่ 8 เม.ย.นี้ เวลา 09.00 น. นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ตนได้เข้าพบกับ พระธัมมชโย เพื่อแจ้งเรื่องหมายรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว รวมถึงสอบถามว่ากำหนดนัดกระชั้นชิดหรือไม่ โดยเบื้องต้นคงต้องใช้สิทธิ์ขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาไปก่อน 1 ครั้ง เนื่องจาก พระธัมมชโยติดภารกิจหลายอย่างของวัด โดยเฉพาะเดือน เม.ย. นี้เป็นเดือนเกิดของพระธัมมชโย จึงต้องมีการจัดเตรียมงานบุญวันเกิดในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ดังนั้นอาจไม่สะดวกที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวนในเดือนนี้  โดยจะทำหนังสือแจ้งขอเลื่อนอย่างเป็นทางการไปยังพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณากำหนดวันนัดต่อไป



+++วันนี้ศาลยังไม่มีการไต่สวนกรณีนางประนอม แดงสุภา   ยื่นคำร้องใหม่ระบุไม่ถอนฟ้องลูกสาวคนโตปมที่ดินมรดก โดยศาลขอไกล่เกลี่ยนอกรอบระหว่างแม่ประนอม กับนายกำธร ประยูรสตางค์ ทนายของนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต ซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ก่อน ด้านนายทวิชา หวังโภคา ทนายความของนางศิริพร บอกกับสื่อมวลชนว่า ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนการไต่สวนออกไปเป็น 14 มิถุนายน เนื่องจากได้รับไต่สวนจาก ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ห้แม่ประนอมกับลูกสาวคนโตไปเจรจากันที่วังวรดิศในวันพรุ่งนี้ ซึ่งหลังฟังการไกล่เกลี่ยแล้ว แม่ประนอมก็ออกจากศาลไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด



++ตำรวจนำหมายศาลกาฬสินธุ์เลขที่ 127/2559 เข้าจับกุมตัว นายกฤติเดช ระเวงวัณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาข่มขืนและทำร้ายร่างกาย น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ หรือน้องสโนว์ นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเหตุเกิดเมื่อ 3 เดือนก่อน  คดีนี้นับเป็นคดีสะเทือนขวัญประชาชนซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดี และกว่า 100 วันที่ต้องใช้ความพยามในการรวบรวมหลักฐาน เพราะฆาตกรเป็นผู้ใหญ่บ้าน กระทั่งขอหมายศาลและเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด 



+++แพทย์ชี้คนไทยบริโภคเค็มมากขึ้นปีละ 2 เท่า ขณะที่ภาระค่าใช้จ่ายในการฟอกไตจากผู้ป่วยไตวายเพิ่มขึ้นถึงปีละ 15,000 ล้านบาท แนะวิธีสังเกตทานเค็มมากเกิน ดูจากการกระหายน้ำหลังทานอาหาร เร่งเตรียมปรับฉลากอาหารลดเกลือ โซเดียม ร้อยละ 20 

ข่าวทั้งหมด

X