รัฐเดินหน้าปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ/คลังแนะธนาคารเพิ่มปล่อยกู้รายย่อย/กทค.เปิดประมูล4จี28มิ.ย.นี้*

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของไทยในช่วงครึ่งปีแรกยังคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหา โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ดังนั้นรัฐบาลจึงดำเนินนโยบายต่างๆ อย่างระมัดระวังเน้นไปที่โครงการลงทุน ไม่ใช่การหว่านเม็ดเงินอย่างไม่มีจุดหมาย และขอว่านักธุรกิจของไทยต้องมีความกล้าที่จะเผชิญเหตุการณ์ ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาต่อเนื่องมาตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 วัดจากตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่ปรับลดลงเรื่อยๆ จากที่เคยเติบโตได้ในระดับร้อยละ 10 จนมาอยู่ที่ร้อยละ 3  โดยในบางปีเศรษฐกิจขยายตัวได้เพียงร้อยละ 1-2 ซึ่งไม่ได้มาจากปัญหาจากเศรษฐกิจโลกเพียงอย่างเดียว แต่มาจากปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจที่ต้องอาศัยการปฏิรูปอย่างจริงจัง 4 ด้านก็คือการสร้างความสมดุลของการพัฒนาเศรษฐกิจ สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าอุตสาหกรรมของไทย และส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาสร้างบุคลากรให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของประเทศ

ด้านนายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า พื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย หากดูจากอัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับไม่ถึงร้อยละ 1 ถือว่าเรามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีมาก แต่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างเศรษฐกิจ ในเรื่องการยกระดับรายได้ให้ผู้ที่อยู่วัยทำงานมีกำลังซื้อมากขึ้น

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง แนะนำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อย อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและมีต้นทุนที่ลดลง ภาคธุรกิจขนาดเล็ก ทั้งหาบเร่แผงลอย หรือร้านค้าขนาดย่อยก็จะสามารถเติบโตต่อไปได้ โดยพบว่าเอสเอ็มอีกกว่า 2 ล้าน 7 แสนราย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพียง 5 แสนรายเท่านั้น

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ออกรายงานนโยบายการเงิน พร้อมปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้มาอยู่ที่ร้อยละ 3.1 จากเดิมคาดไว้ร้อยละ 3.5 เนื่องจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ช้า การส่งออกลดลง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนหนี้ครัวเรือนสิ้นปี 2558 มียอดคงค้างการปล่อยกู้รวม 11 ล้าน 4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมียอดคงค้าง อยู่ที่ 10 ล้าน 4 แสน 9 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5 หมื่น 5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.24

นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเดือนกุมภาพันธ์ยังทรงตัวจากช่วงก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจหลักคือภาคการท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของภาครัฐ ส่วนการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 14 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กำหนดวันประมูล 4จี คลื่น 900 รอบใหม่วันที่ 24 มิถุนายนนี้ โดยยึดราคาเริ่มต้น 75,654 ล้านบาท พร้อมเพิ่มหลักเกณฑ์วางเงินประกันเป็นร้อยละ 5 โดยต้องจ่ายเงินในวันที่ยื่นซองประมูล 3,783 ล้านบาท หากทิ้งไลเซ่นส์ต้องจ่าย 1 หมื่น 5 พันล้านบาท

โดยในวันนี้ จะมีการประชุมนัดแรกของคณะทำงานกรณีที่ บริษัท แจส โมบาย จำกัด ไม่ชำระค่าใบอนุญาตการประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือการชดเชยค่าเสียหายให้รัฐ

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า แจ้งให้ผู้บริหารของแจสโมบาย มาพบที่สำนักงาน กสทช. ในวันที่ 5 เมษายนนี้ เพื่อสอบถามในหลายประเด็น  

ส่วนข่าวอาชญากรรม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีบันทึกข้อความ ถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่ามีคดีอุบัติเหตุจราจรทางถนน ที่ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตร่างกาย ทรัพย์สินจำนวนมากขึ้นโดยสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งคือผู้ขับขี่ดื่มสุรา และเพื่อให้สังคมและประชาชนความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงกำชับการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนในการสอบสวนคดีอุบัติเหตุจราจร หากการเกิดอุบัติเหตุเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย และมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ขับขี่อาจมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ให้พนักงานสอบสวนจัดให้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ผู้ขับขี่ทุกราย

นอกจากนี้ยังกำชับให้ตำรวจทั่วประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจวัดแอลกอฮอล์เพื่อป้องกันเหตุ โดยมีแนวคิดว่าจะให้รางวัลแก่ด่านตรวจที่ตรวจจับอย่างเข้มข้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจ และเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุ

พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) ติดตามความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเสียชีวิตเมื่อปี 2555 แต่การดำเนินคดีล่าช้า จนบางสำนวนขาดอายุความ โดยประชุมร่วมกับพ.ต.อ.ขจรพงษ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ แ ละ พ.ต.ท.ศราวุทฒิ์ เดชศรี สว.(สอบสวน) พนักงานสอบสวน จากนั้นภรรยาของนายตำรวจที่เสียชีวิตเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ทั้งนี้ สาเหตุที่พล.ต.ท.ศานิตย์ มาที่สน.ทองหล่อด้วยตนเองก็เพราะต้องการพบภรรยาของผู้เสียชีวิต เพื่อระบุตัวบุคคลที่แท้จริง เนื่องจากหลังเกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ.2555 มีบุคคลเป็นหญิง 3-4 รายเข้าแสดงตัวแอบอ้างว่าเป็นภรรยาและญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อรับผลประโยชน์ที่ฝ่ายผู้เสียหายควรจะได้รับ โดยภรรยาของผู้เสียชีวิตอยู่กินกับผู้เสียชีวิตโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ตำรวจที่สน.ทองหล่อรู้จักและทราบว่าคือภรรยาที่แท้จริง

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แถลงมาตรการในการควบคุม กำกับ ดูแล และแก้ไขปัญหาการให้บริการของรถเอกชนร่วมบริการสาย 8 ที่เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง และมีการร้องเรียนจำนวนมาก ขสมก.จึงให้ผู้ประกอบการปรับปรุงการดำเนินกิจการ ควบคุมพนักงานประจำรถก่อนขึ้นปฏิบัติหน้าที่เป็นประจำทุกวัน โดยจะมีการประเมินผลอีกครั้งในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากยังให้บริการไม่ดีอาจไม่ต่อสัญญาเดินรถอีก

*-*