+++หลังจากที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อเริ่มต้นกระบวนการออกเสียงประชามติ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวว่า กกต.ก็จะเตรียมในเรื่องของการจัดพิมพ์ และเผยแพร่ร่าง โดยจะรอสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ) จะต้องส่งมายังกกต. ภายใน 15 วันนับจากที่กรธ.แจ้งไปยังครม. มีการตั้งเป้าหมายว่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
+++กกต.จะใช้แผนณรงค์แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะตื่น ตัวตั้งแต่ ม.ค.- วันที่ ครม.ส่งร่างรัฐธรรมนูญให้ กกต. ระยะที่สอง ระยะติดตาม จะเป็นช่วงหลัง กกต.ได้รับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ไปจนถึงวันที่ กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติ และระยะที่สาม เป็นระยะตัดสินใจ นับตั้งแต่วันที่ กกต.ประกาศกำหนดวันออกเสียงประชามติ จนถึงวันออกเสียงประชามติ ยึดหลักเรื่องความสะดวก เที่ยงธรรม และประชาธิปไตยคุณภาพ และมียุทธศาสตร์ “ดอกไม้ 65ล้านบานสะพรั่ง” โดยจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาช่วยในการรณรงค์จัดการเลือกตั้ง และการตรวจสอบผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ที่จะมีแอพพลิเคชั่นดาวเหนือ ให้รายละเอียดหน่วยลงคะแนนของผู้มีสิทธิออกเสียง แอพพลิเคชั่นตาสับปะรด ใช้แจ้งเบาะแสทุจริต และแอพพลิเคชั่นฉลาดรู้ ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ“มั่นใจว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้จะสามารถทำให้ทราบผลการออกเสียงประชามติอย่างไม่เป็นทางการได้ ภายใน 3ชั่วโมง หลังปิดการออกเสียง นายศุภชัย กล่าวว่า การเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ จะต้องไม่เป็นไปในลักษณะชี้นำให้รับหรือไม่รับ หรือขู่เข็ญ เน้นย้ำว่าอะไรที่ทำแล้วเสี่ยงขัดต่อกฎหมาย ก็ไม่ควรทำ เราพูดได้ แต่จะไปชักชวนชี้นำว่าควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันอาจจะผิดกฎหมาย
+++กรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า หากมีการแถลงการณ์จะต้องมีการตรวจสอบว่ามีลักษณะของการชี้นำ หรือการที่จะไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หรือสร้างความสับสนต่อประชาชนหรือไม่ ถ้าเข้าข่ายในการแสดงออกในลักษณะของการผิดกฏหมาย หรือการสร้างความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติงาน หรือต่อร่างรัฐธรรมนูญ คงจะมีข้อพิจารณาเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการพิจารณาของเจ้าหน้าที่
+++นายประวิช รัตนเพียร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า การทำประชามติ เมื่อปี 2550 มีผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 57 ขณะนั้นมีผู้มีสิทธิประมาณ 40 ล้านคน แต่ปัจจุบันมีการแก้ไขให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ในวันออกเสียงประชามติ เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงด้วย ทำให้มียอดผู้มีสิทธิเพิ่มขึ้นอีก 800,000 คน รวมจะมีผู้มีสิทธิในการออกเสียงครั้งนี้ 50 ล้านคน ดังนั้น หากมียอดผู้มาใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 57 ก็ถือว่าใช้ได้ ที่มั่นใจว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิมากกว่า เมื่อ 10 ปี เพราะ กกต.ได้เปลี่ยนวิธีในการรณรงค์ จากเดิมที่ใช้วิธีรณรงค์ผ่านสื่อเพียงอย่างเดียว ก็จะหันมาใช้การสร้างเครือข่าย
+++กรณีพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ในฐานะผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหากระทำความผิดเรื่องการฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร ในวันที่ 8 เม.ย.เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นเงินถึง 800 ล้านบาท และพบว่าเป็นการรับเงินจากสหกรณ์คลองจั่น โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเงินดังกล่าวได้ไหลไปยังเครือข่ายพระของวัดพระธรรมกายในหลายจังหวัด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กำชับให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
+++ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวังโส ฝ่ายประชาสัมพันธ์ วัดพระธรรมกาย ยืนยันในความบริสุทธิ์ ของพระพระธัมมชโย เนื่องจากรับบริจาคเหมือนพระสงฆ์ทั่วไปไม่ทราบถึงที่มาของเงินบริจาค ปัจจัยที่ได้มานำไปสร้างศาสนสถาน ขณะที่กลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้เยียวยาช่วยเหลือให้สหกรณ์ไปแล้วกว่า 600 ล้านบาท วัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกรณียักยอกเงินดังกล่าว เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นทางวัดได้สอบถามนายศุภชัยว่า เงินที่นำมาทำบุญมาจากไหน ได้รับคำตอบว่ากู้ยืมมาจากสหกรณ์ฯคลองจั่นและได้คืนแล้ว โดยมีหลักฐานคือการตรวจสอบบัญชีประจำปีและรายงานต่อที่ประชุมใหญ่สหกรณ์ฯ
+++ขณะที่ สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯในฐานะผู้เสียหายจากการฝากเงินจำนวน 8 ราย ทยอยเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้มีชื่อรับเช็คจากสหกรณ์คลองจั่น รวมถึงพระธัมมชโยที่ได้รับเช็คเงินบริจาคหลายครั้ง เนื่องจากที่ผ่านมาผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ไม่มีส่วนรู้เห็นว่ามีการนำเงินฝากของสมาชิกไปบริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ถูกออกหมายอีก 1 ราย คือ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ซึ่งมีชื่อปรากฏสลักหลังเช็คกว่า 100 ล้านบ้าน ที่โอนให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในความผิดฐานช่วยปกปิดซ่อนเร้นอำพราง
+++พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ตรวจสอบทุกคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาความเหลื่อมล้ำและมีการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง สั่งให้ตรวจสอบเรื่องการขาดอายุความหรือการทำคดีล่าช้า ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่นอกกระทรวงยุติธรรม แต่ในฐานะที่เป็นคสช.ที่กำกับดูแลกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด จึงต้องขอศึกษาข้อมูลว่าอะไรเป็นปัจจัยหรือสาเหตุที่ทำให้คดีล่าช้า หรือคดีขาดอายุความ
+++ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินคดีนายวรยุทธ จากหน่วยงานต้นสังกัดแล้วโดยถือเป็นการใช้อำนาจตามคำสั่งคสช.ที่ 69 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบ
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ตอบรับปัจจัยที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ประกาศจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง ทำให้ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียลดแรงกดดัน ทำให้ดัชนีปิดตลาดที่ 1,410.29 จุด เพิ่มขึ้น 17.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 57,621.65 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ลดลง 24.57 จุด 16,878.96 จุด ฮั่งเส่ง ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 437.09 จุด 20,803.39จุด
+++นายถิ่น จอ ประธานาธิบดีพลเรือนคนแรกของเมียนมาในรอบกว่า 50 ปี สาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ นับเป็นผู้นำพลเรือนคนแรกของประเทศในช่วงเวลากว่า 50 ปี สืบต่อจากประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ย้ำว่า รัฐสภาและรัฐบาลชุดใหม่จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) จะช่วยเติมเต็มความหวังและความต้องการของชาวเมียนมาให้ดีที่สุด
+++ทาทาสตีล ผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่จากอินเดีย เตรียมลดทอนการลงทุนในอังกฤษ หลังผลประกอบการในอังกฤษและยุโรป ลดลงอย่างรวดเร็ว จากปัจจัยลบทั้งปริมาณเหล็กนำเข้าที่ล้นตลาด ราคา และความผันผวนของค่าเงิน ในช่วง 5 ปี ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อภาคแรงงาน ที่มีการจ้างงานหลายพันตำแหน่งทั้งในอังกฤษและเวลส์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการใช้มาตรการตัดลดพนักงานมาเป็นระยะ โดยรัฐบาลกลางอังกฤษและรัฐบาลท้องถิ่นเวลส์ ได้ออกแถลงการณ์ร่วม ว่าจะร่วมมือกับสภาพแรงงานเพื่อรักษาอุตสาหกรรมเหล็กไว้ โดยกลุ่มสหภาพแรงงานกล่าวโทษว่าเป็นผลมาจากการทุ่มตลาดของเหล็กจากจีน ขณะที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้าแทรกแซงเพื่อควบคุมสถานการณ์
+++นายเซอิฟ อัลดิน โมฮาเหม็ด มุสตาฟา ชายอียิปต์ วัย 58 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่าจี้บังคับเครื่องบินสายการบินอียิปต์แอร์จากอียิปต์ไปลงจอดที่ไซปรัสเมื่อวานนี้ถูกนำตัวขึ้นศาลไซปรัสแล้ว ศาลมีคำสั่งขัง 8 วัน เพื่อสอบปากคำ ในข้อหาเป็นสลัดอากาศ กักขังหน่วงเหนี่ยวและมีพฤติกรรมข่มขู่
+++ทางการไซปรัส ระบุว่าชายคนนี้มีอาการแปรปรวนทางจิต พูดจาวกวน ตอนแรกบอกว่าจะขอพูดกับอดีตภริยาชาวไซปรัส ก่อนจะเสนอข้อเรียกร้องอื่นๆอีกหลายข้อที่ไม่สอดคล้องกัน ย้ำว่า ไม่ไช่การก่อการร้าย
CR:แฟ้มภาพ