เหตุการณ์โจมตีสนามบินและสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียม จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ศพ และบาดเจ็บอีกกว่า 300 คน สร้างแรงกดดันต่อชาวมุสลิมในเบลเยียมเป็นอย่างมาก วานนี้ ชาวมุสลิมหลายร้อยคนในกรุงบรัสเซลส์ได้ร่วมกันสวดมนต์ประจำวันศุกร์ที่มัสยิดกลาง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบรรดาสำนักงานของสหภาพยุโรปหรืออียู รวมทั้งสถานทูตหลายแห่ง และมีการลดธงชาติเบลเยียมและธงสัญลักษณ์อียูครึ่งเสาบริเวณทางเดินเข้ามัสยิด เพื่อรำลึกถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ อิหม่ามนาเดียยี มูฮาเมธ กาลาเย ผู้นำพิธีสวดมนต์กล่าวต่อผู้ร่วมพิธีสวดมนต์ว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องร่วมกันต่อต้านแนวคิดหัวรุนแรง และย้ำว่าการก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม อิหม่ามกาลาเยยังประณามเหตุรุนแรง โดยระบุว่าชาวมุสลิมรู้สึกเศร้าโศกและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ หลังการสวดมนต์เสร็จ เขายังนำผู้สวดมนต์จำนวนหนึ่งไปยังสถานีรถไฟใต้ดินที่เกิดระเบิด เพื่อแสดงความรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
อิหม่ามกาลาเย ยืนยันว่า มัสยิดกลางนั้นไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากซาอุดีอาระเบียตามที่มีการพูดถึงกัน แต่เป็นเงินที่ได้มาจากองค์การพันธมิตรอิสลามโลก พร้อมยืนยันด้วยว่าคนหนุ่มสาวชาวเบลเยียมราว 400-500 คนที่เดินทางไปเข้าร่วมกับกองกำลังไอเอสในซีเรียนั้นไม่เคยได้ศึกษาหลักอิสลามจากทางมัสยิดกลางอย่างใด และส่วนใหญ่มีเคยคดีอาชญากรรมมาแล้ว ทั้งนี้เขาเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้คนเหล่านี้เดินทางไปซีเรีย เพราะสื่อออนไลน์ ด้านบรรดาชาวมุสลิมที่อยู่ด้านนอกมัสยิดกลางต่างตะโกนว่า ชาวมุสลิมไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เพราะผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ต่างเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดและผู้มีประวัติการใช้อาวุธ และเห็นว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกันยับยั้งการก่อการร้าย
ทีมต่างประเทศ
CR:AFP