+++จากภาวะฝนทิ้งช่วงนานกว่า 3 เดือน ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะเกษตรกรกลุ่มผู้ปลูกกล้วยหอมทอง ในพื้นที่ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นของดีขึ้นชื่อของอำเภอลำทับ ปรากฏว่าได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง ทำให้กล้วยหอมทองที่ปลูกและออกลูกมีสภาพลำต้น และก้านเครือของผลกล้วยหักโค่น เกิดความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง หากไม่หักก็จะขายได้เครือละไม่ต่ำกว่า 150-200 บาท ทำให้ขณะนี้เกษตรกรจำนวนกว่า 100 ราย พื้นที่ปลูกประมาณ 300 ไร่กระทบ จากทั้งหมด 600 ไร่
+++ขณะที่นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดได้ประกาศเขตการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง 4 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองกระบี่ 8 ตำบล 43 หมู่บ้าน อำเภอลำทับ 4 ตำบล 16 หมู่บ้าน อำเภอเกาะลันตา 5 ตำบล 28 หมู่บ้าน และ อำเภอคลองท่อม 7 ตำบลทุกหมู่บ้าน ซึ่งหลังจากนี้ทางจังหวัดจะระดมภาคส่วนต่างๆ และจัดงบประมาณลงให้การช่วยเหลือทั้งกรณีน้ำกินน้ำใช้ และพืชผลทางการเกษตรต่อไป
+++ไปที่จ. เชียงราย สถานการณ์หมอกควันในพื้นที่อำเภอเมือง พบว่า ค่าฝุ่นละอองในอากาศ ขนาดต่ำกว่า 10 ไมครอนมีปริมาณ 325 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าอำเภอแม่สายที่วัดได้ 303 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้สภาพอากาศในจังหวัดเชียงราย ช่วงเช้าวันนี้ มีหมอกควันหนาวิสัยทัศน์ในการมองเห็นไม่ถึง 1 กิโลเมตร ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รู้สึกแสบตา แสบจมูก และต้องสวมหน้ากากอนามัยมาป้องกัน สาเหตุเกิดจาก ไฟป่าในพื้นที่ อ.เมือง หลายจุด
+++หลายหน่วยงานเตรียมปรับลดประมาณการณ์ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นายเชาวน์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า จะมีการปรับประมาณการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่ในเดือนเม.ย. นี้ จากที่คาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัวร้อยละ 3 และ การส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 2 โดยต้องติดตามตัวเลขการส่งออกในเดือนก.พ. 2559 ที่กระทรวงพาณิชย์จะประกาศวันนี้ ว่าจะกลับมาเป็นบวกได้ตามที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุก่อนหน้านี้ว่าขยายตัวร้อยละ 2 หากไม่รวมการส่งออกทองคำ และต้องติดตามการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี หากการส่งออกขยายตัวได้ดี แนวโน้มที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.5 ก็มีความเป็นไปได้ เพราะยังมีแรงสนับสนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 3 ของรัฐบาล
+++ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือปัญหาภัยก่อการร้ายจากเหตุระเบิดที่ในกรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียม ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นสกุลที่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังต้องติดตามกรณีที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาแอตแลนต้า ระบุว่า เฟดอาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมวันที่ 26-27 เมษายนนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯปรับดีขึ้น พร้อมทั้งติดตามการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปได้ยากขึ้น เพราะเชื่อว่ากนง.จะไม่ใช้นโยบายการเงินที่สวนทางกับสหรัฐฯ ดังนั้นภาคเอกชนต้องระวังความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยแนะนำให้ซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้เสมอ
+++เหตุโจมตีสนามบินและรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงบรัสเซลของเบลเยียมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทำให้รัฐมนตรีมหาดไทยและรัฐมนตรียุติธรรมเบลเยียม ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีถึงความหละหลวมในเรื่องข่าวกรอง ยอมรับความผิดพลาดและขอลาออกจากตำแหน่งในขณะที่เบลเยียมเริ่มลดระดับการเฝ้าระวังภัยจากการก่อการร้าย
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ยืนยันว่า ยังคงใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภาเหมือนเดิม เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี กรณีที่เกิดปัญหา ยอมรับว่าได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี มาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะช่วงการปรับบทเฉพาะกาล และเมื่อปรับแก้แล้ว นายกรัฐมนตรีก็พอใจกับการปรับแก้ไขครั้งนี้ และขอย้ำว่าการกำหนดให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีอำนาจเลือก สว.ทั้ง 250 คน ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ เนื่องจาก สว.ไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะอำนาจนี้ยังคงเป็นของ ส.ส. แม้ตัวเองจะเป็น 1 ในสมาชิก คสช.แต่ก็จะไม่เข้าร่วมการสรรหา สว.อย่างแน่นอน เพราะไม่ต้องการให้สังคมครหา
+++นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า การประชุม สปท.ในวันที่ 30 มี.ค.จะมีการประชุมร่วมกันของ สปท.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อรับฟังรายละเอียดและคำชี้แจงเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของกรธ. เพื่อนำไปสู่การออกเสียงประชามติ ส่วนการตั้งคำถามพ่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น ที่ประชุม สปท.กำหนดพิจารณาประเด็นคำถามในวันที่ 1 เม.ย.เวลา 14.00 น. โดยจะเปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ก็จะส่งข้อสรุปไปยัง สนช.
+++คดีอาชญากรรม การติดตามคดีกลุ่มวัยรุ่น ฆ่า และข่มขืนหญิงสาวที่ จ.พัทลุง นางสาวปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี ยื่นหนังสือต่อพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เร่งรัดคดีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุฆาตกรรมนายภาสกร คงสวัสดิ์ อายุ 18 ปี ฝังในป่าที่จังหวัดพัทลุงและข่มขืนแฟนสาวก่อนโยนทิ้งลงเหว เมื่อวันที่ 27 มกราคม โดยมีพลตำรวจตรีทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนรับมอบ
+++นางสาวปนัดดา กล่าวว่า ก่อนเดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีตำรวจระดับรองผู้กำกับการในพื้นที่ติดต่อมาเพื่อไม่ให้เดินทางมายื่นหนังสือ ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม ซึ่งครอบครัวของผู้เสียหายยังมีความกังวลในการติดตามตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 5 คนที่ถูกออกหมายจับแต่ยังไม่สามารถควบคุมตัวได้ เนื่องจากคดีผ่านมานานกว่า 2 เดือน และผู้เสียหายได้รับข้อความข่มขู่จากบุคคลที่ถูกออกหมายจับ ต้องหลบหนีย้ายไปพักอาศัย 3 จังหวัดเพื่อความปลอดภัย
+++ด้านพลตำรวจตรีทรงพล กล่าวว่า ได้ประสานพนักงานสอบสวนแล้ว ทราบว่า ขณะนี้สำนวนอยู่ระหว่างขออำนาจศาลนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนผัดที่ 2 และรอผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด ยืนยันการดำเนินคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีความล่าช้า ส่วนที่ตำรวจติดต่อมาหานางสาวปนัดดาด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม จะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบกระทำความผิดจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
+++พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า คดีอยู่ในกรอบของการสอบสวน และตำรวจกดดันผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก1ราย คือ นายเกียรติรัตน์ กันทร อายุ19ปี ชาวจังหวัดพัทลุง รวมขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด5ราย เหลืออีก2รายที่กำลังหลบหนี