แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่หลายคนของสหรัฐฯกล่าวว่าไม่นานหลังเครือข่ายกลุ่มรัฐอิสลามที่มีแหล่งกบดานอยู่ในกรุงบรัสเซล เบลเยียมไปก่อเหตุโจมตีกรุงปารีส ฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามก่อการร้ายระดับสูงคนหนึ่งของสหรัฐฯที่เยือนยุโรปในช่วงนั้นต้องการจะเดินทางไปยังกรุงบรัสเซล เพื่อติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการสอบสวนคดี ครั้งนั้นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯพยายามจะขอนัดประชุมเพื่อหารือเรื่องนี้ แต่เจ้าหน้าที่ปราบปรามก่อการร้ายระดับสูงชาวเบลเยียมไม่ตอบรับข้อเสนอ บอกว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ต่างชาติในช่วงนั้น อีกทั้งเจ้าหน้าที่เบลเยียมก็วุ่นอยู่กับการสอบสวนคดีดังกล่าว
การปฏิเสธดังกล่าวเป็นสัญญาณเล็กๆที่บ่งชี้สหรัฐฯรู้สึกผิดหวังมากกับความพยายามของรัฐบาลเบลเยียมในการจัดการภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มไอเอส เหตุการณ์ที่กลุ่มไอเอสโจมตีกรุงบรัสเซลเมื่อวันอังคาร มีคนเสียชีวิต 31 ศพบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและข่าวกรองของเบลเยียมอยู่ในภาวะไม่พร้อมจะป้องกันเหตุ ไม่อาจจะเฝ้าระวังสมาชิกหัวรุนแรงในบ้านราว 900 คนเนื่องจากขาดแคลนทั้งกำลังตำรวจและเครื่องมือ อีกทั้งบกพร่องเรื่องการประสานข้อมูลข่าวกรองกับพันธมิตร เจ้าหน้าที่หลายคนของสหรัฐฯระบุว่าส่วนหนึ่งของอุปสรรคในความร่วมมือด้านความมั่นคงของเบลเยียมคือการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองที่ไม่ต่อเนื่อง ทำให้ได้ข้อมูลแบบขาดช่วงขาดตอนและมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน คือการที่หลายหน่วยงานของรัฐบาลเบลเยียมไม่เต็มใจที่จะประสานความร่วมมือกับต่างชาติ ทั้งๆที่เป็นพันธมิตรกัน
เบลเยียม จัดงบประมาณด้านความมั่นคงเพิ่มขึ้นหลังเกิดเหตุโจมตีกรุงปารีส ทั้งๆที่ถูกกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)กดดันให้ลดตัวเลขหนี้สาธารณะ เพิ่มกำลังตำรวจอีก 2,500 คนจากเดิมที่มีกำลังตำรวจอยู่แล้ว 12,500 คน ส่งผลให้เบลเยียมสามารถขัดขวางแผนโจมตีสำคัญเมื่อเดือนมกราคมปีก่อน
ทีมต่างประเทศ