ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 โจทก์ ยื่นฟ้อง นายวิชา บุญลือลักษณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ ฆ่าสัตว์โดยให้ได้รับทุกขเวทนา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ. 2490 เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2558 จำเลยใช้อาวุธปืนยิงสุนัขสีขาวดำ ชื่อ เจ้าขาวด่าง หลายนัด ตายด้านหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว วันนี้ นายวิชา จำเลย ซึ่งได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมทนายความ ขณะที่ น.ส.ภณิตา สุนทรัตต์ อายุ 47 ปี ผู้เข้าแจ้งความและดูแลสุนัขที่ถูกยิงตาย ก็เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า แม้จำเลยจะอ้างว่าได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่ก็ไม่ได้นำสืบให้ศาลเห็นว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นกระบอกเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุหรือไม่ จำเลยเบิกความกล่าวอ้างเพียงลอยๆ ว่าเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน ส่วนที่จำเลยยังอ้างเหตุที่ไม่ได้นำอาวุธปืนส่งพนักงานสอบสวน เพราะเกรงจะถูกขอขมาต่อกลุ่มพิทักษ์สัตว์และทำให้เป็นข่าว ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนัก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงสุนัขให้ได้รับความทรมาน ก็เป็นความผิดฐานทารุณกรรมสัตว์ และการกระทำนั้นยังเป็นความผิดฐานยิงอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้านหรือในที่ชุมชุน
ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 , พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 20 และ 31 ให้จำคุก 8 เดือน และปรับ 4,000 บาท ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต , ฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะฯ ให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 2,000 บาท และฐานกระทำทารุณกรรมสัตว์ฯ ให้จำคุก 6 เดือน และปรับ 5,000 บาท ขณะที่จำเลยรับสารภาพความผิดบางข้อหา เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ฐานพาอาวุธปืนฯ ให้จำคุก 3 เดือน และปรับ 1,000 บาท และฐานกระทำทารุณกรรมสัตว์ฯ จำคุก 3 เดือน และปรับ 2,500 บาท รวมโทษทุกกระทงความผิด 3 ข้อหาแล้ว ให้จำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 14 เดือน (1 ปี 2 เดือน) และปรับ 7,500 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี พร้อมสั่งคุมความประพฤติจำเลยเป็นเวลา 1 ปีด้วย โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์อีกเป็นเวลารวม 12 ชั่งโมง
นายวิชา จำเลย ยอมรับคำพิพากษาของศาลทุกอย่างและคงไม่อุทธรณ์คดีแล้ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เคยถูกสุนัขตัวดังกล่าวไล่กัดขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านหลายครั้ง รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย โดยวันเกิดเหตุก็ถูกสุนัขวิ่งไล่กัดอีก จึงทำไปเพราะความโมโห พร้อมขอโทษต่อสังคมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมจะปรับปรุงตัวเอง และบำเพ็ญประโยชน์ตามที่ศาลพิพากษา
ด้าน น.ส.ภณิตา ผู้ที่เคยให้การดูแลสุนัข กล่าวด้วยว่า พอใจคำพิพากษา ที่จะเป็นบทเรียนให้กับสังคม โดยตลอดเวลา 1 ปีเศษ คิดว่านายวิชาคงได้รับบทเรียน