ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัย ไปยังสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งชาวเบลเยียม กรณีเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงบรัสเซลส์
+++ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีสารแสดงความเสียใจถึงนายชาร์ลส์ มิเชล นายกรัฐมนตรีเบลเยียม สั่งการ ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเพิ่มมาตรการความเข้มงวดด้านความปลอดภัยที่สนามบินแล้ว ขอให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ หรือชุมชนต่างๆ ช่วยกันสอดส่องและเฝ้าระวังบุคคลที่แปลกปลอม หรือผิดสังเกต ส่วนเรื่องการข่าวได้เชื่อมโยงกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อส่งข้อมูลให้มีการเฝ้าระวังตามสนามบินและแนวชายแดนด้วย
+++พล.ต.ท. ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. กล่าวว่า ทันทีที่เกิดเหตุทาง สตม. ได้มีวิทยุด่วนกำชับการปฏิบัติงานทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามบินนานาชาติในเรื่องเพิ่มความเข้มในการตรวจบุคคลที่เดินทางเข้า-ออก ซึ่งมีการตรวจตัวบุคคล เอกสาร ทำบันทึกข้อมูล รวมทั้งการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมที่มีพิรุธจากบุคคลที่มาจากประเทศเป้าหมาย รวมทั้งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบตรวจบริเวณภายในสนามบินนานาชาติทั้ง 6 แห่ง อาทิ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต หาดใหญ่ เชียงใหม่ และเชียงราย
+++มีรายงานว่า ทางตำรวจ ท่องเที่ยวและการท่าอากาศยานได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัย ระดับ 3 ซึ่งจะเน้นการตรวจตราสัมภาระนักท่องเที่ยว รวมถึงเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และยังเพิ่มความถี่ในการตรวจตราโดยรอบพื้นที่ของสนามบินนานาชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งนี้แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่คู่ขัดแย้งหรือเป้าหมายของกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม แต่ก็เพื่อเป็นการเตรียมพร้อม เพื่อรองรับกับเหตุต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้โดยคาดไม่ถึงอีกด้วย
+++ผลสอบอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พร้อมด้วย นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการ ศอตช. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และนายยงยุทธ์ มะลิทอง รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกันแถลงผลสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย ผลการสอบสวนไม่พบการทุจริต
+++นายพิศิษฐ์กล่าวว่า ตรวจสอบในข้อเท็จจริงและการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องหรือไม่ โดย 2 สัญญา ไม่พบว่ามีการกระทำผิดระเบียบราชการ และเนื้องานหรือเนื้อโลหะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ 95 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะสมบูรณ์ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่จะต้องมีผิวขรุขระบ้าง จึงไม่มีข้อสังเกตอะไรในประเด็นนี้ ส่วนวัสดุจากตัวองค์พระ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด รวมถึงมีเอกสารการนำเข้าอย่างถูกต้อง และราคากลางก็ยังเป็นไปตามท้องตลาดด้วย
+++การหักค่าหัวคิวทั้งจากหลักฐานทางการเงินและสอบปากคำของ 5 โรงหล่อ ที่มีค่าใช้จ่ายเป็นค่าที่ปรึกษา เพื่อให้ได้งานนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงตรงกันว่า มีการจ่ายค่าจ้างให้กับเซียนอุ๊ 7 เปอร์เซ็นต์ ในฐานะที่ปรึกษา และจากการตรวจสอบประวัติของเซียนอุ๊ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรืออุ๊กรุงสยาม ทราบว่าเป็นคนมีฐานะทางสังคมและเป็นที่ปรึกษาทั้ง 5 โรงหล่อ" การที่เซียนอุ๊เข้ามาเป็นที่ปรึกษาในโครงการนี้ จากงบประมาณในการสร้างองค์พระ 70 ล้านบาท เหลือเพียงองค์ละประมาณ 45 ล้านบาท ซึ่งในทางราชการหมายถึงราชการได้รับประโยชน์จากส่วนนี้ หลังจากนั้นเซียนอุ๊ได้นำเงิน 20 ล้านบาท มาบริจาคให้มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ในพระราชูปถัมภ์ฯ ในนาม 5 โรงหล่อ ซึ่งมีเอกสารการออกใบเสร็จว่าเซียนอุ๊ได้มาบริจาคจริง ซึ่งการที่ 5 โรงหล่อให้ค่าที่ปรึกษาให้เซียนอุ๊เป็นเรื่องระหว่างเอกชนกับเอกชนยินยอมในการให้ค่าที่ปรึกษาและค่าแนะนำงานมาให้
+++ขณะนี้ มูลนิธิสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์มีเงินในบัญชี ณ ขณะนี้ 108 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทาง สตง.ได้ตรวจสอบภาพรวมโดยทั้งหมดแล้ว เท่าที่ดูไม่มีการตกแต่งบัญชี ยืนยันว่าไม่มีการทุจริตที่เอาเงินบริจาคมาคืนหน่วยงานราชการ แต่เป็นเงินมาบริจาคด้วยความสมัครใจ กรณีนี้เอกชนจึงไม่ผิด ส่วนประเด็นที่ระบุว่าเป็นเงินกองทุนสวัสดิการกองทัพบก เนื่องจากตามระเบียบกองทัพมีการตรวจสอบบัญชี และภายในขั้นตอนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ทรัพย์สินอุทยานยังเป็นของทรัพย์สมบัติของราชการ ยังไม่ได้โอนให้กับมูลนิธิ
หลังจากนั้นนายจตุพรได้ลุกขึ้นยืนถามผู้ว่าฯ สตง. ว่า กรณีที่แถลงข่าวครั้งนี้ เป็นการทำข้อสอบรั่วหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.อ.อุดมเดชออกมาระบุว่า ไม่พบการทุจริต ต่อมาผู้ว่าฯ สตง.ออกมาการันตีว่าไม่มีการทุจริต ประเด็นต่อมาคำว่าที่ปรึกษาเกิดขึ้นหลังจากมีประเด็นค่าหัวคิวใช่หรือไม่ อีกประเด็นหนึ่งเซียนอุ๊เป็นนายก อบต. ซึ่งก็คือเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นการรับเงินถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ผู้ว่าฯ สตง.ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาให้สัมภาษณ์เป็นการชี้แจงสื่อมวลชน เพราะตนมีหน้าที่ตอบคำถาม และได้ไปพบ พล.อ.อุดมเดช ไม่ได้ไปรายงาน แต่ไปหาข้อมูลให้ครบถ้วน แต่สังคมจะเข้าใจยังไงก็แล้วแต่
+++ด้าน พล.อ.ไพบูลย์เสริมว่า ประเด็นนี้ พล.อ.อุดมเดชยืนยันมาตลอดว่าไม่ผิด และเคยต่อว่าตนด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจว่าคำถามของนายจตุพรว่าต้องการสื่ออะไร จากข้อสรุปที่ไปสอบถาม พล.อ.อุดมเดช มีการยอมรับว่าพลาด พูดออกไปเพราะไม่เข้าใจ จึงใช้คำว่าหัวคิว ตนไม่พูดกับท่านมานานมาก จนการตรวจสอบจบลงจึงไปเรียนให้ทราบว่า ป.ป.ท.ก็ไปสอบถามท่าน เพราะท่านเป็นคนพูดคำนี้ออกมา ที่ท่านพูดว่าหัวคิว มันผิด เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่มีเจตนา ขอขอบคุณนายจตุพรที่ห่วงใยบ้านเมือง หากมีข้อมูลอะไรก็ส่งมา การตรวจสอบเรื่องนี้ยังไม่เสร็จ ยังมีหน่วยงานรัฐตรวจสอบประเด็นอื่นๆ ต่อไปอีก
+++ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พอใจกับสิ่งที่ สตง.ตรวจสอบ แต่ถ้ายังปรักปรำกันอีกก็อาจจะฟ้องดำเนินคดีสำหรับคนที่กล่าวให้ร้าย เพราะเรื่องนี้เชื่อมั่นว่าต้องถึงกระบวนการยุติธรรมโดยแท้จริง ไม่เกี่ยวกับการหักค่าหัวคิวแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่ใช่ โดยในเวลา 08.30 น. พล.อ.อุดมเดช จะมีการแถลงเรื่องนี้อีกครั้ง
+++วันนี้ ต้องติดตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.เตียบันห์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ของกัมพูชา จะเป็นประธานร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่11 ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
+++คณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยระบุว่า ระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันผ่อนปรนเพียงพออยู่แล้ว รวมทั้งจะต้องระวังปัญหาเสถียรภาพทางการเงินในอนาคต นอกจากนั้นภาวะที่เศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงจำเป็นต้องรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงิน (Policy Space) ไว้รับมือการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกในระยะต่อไป กนง.พบว่าเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ แต่ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณอ่อนแรงลง ธปท.ได้ปรับลดการประมาณ– การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้จากเดิมที่คาดว่าจะโตร้อยละ 3.5 เหลือร้อยละ 3.1 และปรับลดการขยายตัวของการส่งออกของไทยปีนี้จากที่คาดว่าจะโตร้อยละ0 เป็นติดลบ ร้อยละ 2
+++ประเด็นคนจีนกินกุ้ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเอกราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนและนักธุรกิจเข้าพบ ได้กล่าวถึง กรณี นักท่องเที่ยวจีนแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย ทางการจีนได้ตัดพ้อต่อว่ามาพอสมควร มีบางพวกไปทำอย่างนั้นก็จริง แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาประจาน เพราะบางทีคนไทยไปก็ไม่รู้ธรรมเนียมประเทศอื่นเหมือนกัน ส่วนที่มีการเผยแพร่ภาพ นักท่องเที่ยวจีนแย่งกันตักกุ้งไปรับประทานนั้น ตรงนั้นไม่ว่ากัน เพราะในสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดี
+++วันนี้นักฟุตบอลทีมชาติไทยจะลงแข่งกับทีมชาติอิรัก ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2018(โซนเอเซีย) ชิงแชมป์กลุ่มเอฟ โดย การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เชิญชวนแฟนลูกหนังชาวไทยมาร่วมเชียร์ และให้กำลังใจนักฟุตบอลทีมชาติไทย ณ บริเวณลานพลาซ่า หน้าอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ตั้งแต่เวลา 18.30น. เป็นต้นไป