จากปัญหาภัยแล้งรุนแรงปัญหาราคาสินค้าเกษตร ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายเรื่องการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำการเกษตรให้เข้ากับสถานการณ์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างชมนิทรรศการ และพูดคุยกับผู้จัดทำหนังสือ “สมาร์ทฟาร์มเมอร์ รู้ไว้...ทำได้จริง คัมภีร์ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ” ซึ่งเป็นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำขึ้น โดยกล่าวว่า การบริหารจัดการน้ำจะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ เพื่อรองรับการใช้น้ำทั้งในและนอกเขตชลประทาน ซึ่งส่วนตัวไม่กังวลเรื่องการใช้น้ำในเขตชลประทาน แต่กังวลเรื่องการใช้น้ำนอกพื้นที่เขตชลประทานมากกว่า ซึ่งจะต้องมีการปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยให้มากขึ้น ส่วนโครงการประชารัฐต่างๆก็จะดูตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางที่เป็นการส่งออกผลผลิต โดยรัฐบาลยังมีงบประมาณเพื่อสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร และเพื่อเป็นการนำร่องในแต่ละพื้นที่ รวมถึงขอความร่วมมือจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สนับสนุนการดำเนินงานสอดคล้องให้กับการวิจัยและพัฒนา รวมถึงส่งเสริมการตลาด และการบริการจัดการ
ส่วนเรื่องปัญหาการทุจริตในส่วนงานราชการ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ผู้ที่ทำผิดก็จะต้องถูกลงโทษ โดยเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการปราบปามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในการดำเนินการ ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า อย่านำคดีต่างๆมาพิจารณาปะปนกัน โดยยกตัวอย่าง คดีของคนขับรถเบนซ์พุ่งชนท้ายรถของ 2 นิสิตปริญญาโทจนเสียชีวิต กับการที่คนขับรถคนนี้ ขับรถฝ่าไม้กั้นด่านผ่านทาง ของการทางพิเศษแห่งประเทศจนได้รับความเสียหาย ก็ไม่ควรนำมาปะปนกัน ทั้งไม่ควรนำไปโยงกับคดีอื่น เพราะเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ และยิ่งทำให้สับสน
สำหรับหนังสือสมาร์ทฟาร์มเมอร์ รู้ไว้...ทำได้จริง คัมภีร์ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ที่ทางสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำขึ้นนั้น มีวาระสำคัญคือการ น้อมนำพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในการบริหาร ภายใต้นโยบาย "ทำก่อน ทำจริง ทำทันที มีผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน" และยังรวบรวมผลงานของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพทางด้านพืชและสัตว์ในการลงมือจริงมาเผยแพร่
..
ผสข.วิรวินท์ ศรีโหมด