หลังจากที่เจ้าหน้าที่นำตัวนายเจนภพ วีรพร คนขับรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ ซีแอลเอส สีดำ ทะเบียน ษง 3333 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถเก๋งฟอร์ด เฟียสต้า สีเทาดำ ทะเบียน ฆย 6911 กรุงเทพมหานคร จนทำให้มีผู้เสียชีวิต2 ศพ ขึ้นศาลเพื่อขอศาลจ.พระนครศรีอยุธยา ฝากขังในผัดแรกจำนวน 12 วัน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศาลจ.พระนครศรีอยุธยา พิจารณาคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ชี้แจงว่า การที่ขออำนาจศาลฝากขังเนื่องจาก พนักงานสอบสวนต้องสอบพยานบุคคล วัตถุพยานต่างๆ รวมถึงประวัติผู้ต้องหา ขณะที่ ผู้ต้องหาไม่ขัดข้อง ศาลพิจารณาแล้วอนุมัติฝากขังผัดแรก 12 วัน ในข้อหาเมาแล้วขับ จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถโดยประมาท และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จากนั้น ทนายความได้ยื่นขอประกันตีราคาวงเงินประกัน 2แสนบาท ศาลอนุญาตให้ประกัน มีเงื่อนไข 4 ข้อ คือ ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามขับรถ ให้เจ้าหน้าที่ยึดใบขับขี่ และหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข หรือผิดเงื่อนไข ศาลสามารถเรียกตัวมาได้ทันที รองผบ.ตร. กล่าวว่า วันนี้ผู้ต้องหาไม่ได้พูดดอะไรมาก เนื่องจากมีอาการสะลึมสะลืออยู่ในการดูแลของแพทย์และพยาบาล ที่ต้องเข็นผู้ป่วยเข้ามาในศาล หลังจากนั้นแพทย์และพยาบาลนำตัวผู้ต้องหากลับไปรักษาตัวต่อ
ทั้งนี้ การนำตัวมาครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวบันทึกภาพ แต่จากการสังเกตพบว่านายเจนภพได้นอนมาบนเตียงคนไข้ โดยมีพยาบาลคอยดูแล รวมถึงนายเจริญ แก้วยอดหล้า ทนายความส่วนตัว ก็ได้เดินทางมาด้วย โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถาม
กรณีที่พบซองยาบนรถของผู้ต้องหา พ.ต.อ. สุรินทร์ ทับพันบุบผา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวทีมพนักงานสอบสวน ขอเวลาในการตรวจสอบ และยังไม่ยืนยันว่ายาดังกล่าวเป็นยาแก้โรคซึมเศร้า อย่างที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ จากนี้จะมีการนำเส้นผมและดีเอ็นเอของผู้ต้องหาไปตรวจสอบว่ามีสารเสพติดอยู่ในร่างกายหรือไม่ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.พงศพัศ เปิดเผยว่า จากนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนขอเวลาอีก 12 วันต่อศาล เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้มีความครบถ้วน แต่หากยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบก็อาจจะขอขยายเวลาจากศาลเพิ่มอีกเพื่อให้ได้ความกระจ่างมากขึ้น
ผู้สื่อข่าว : สมจิตร์ พูลสุข