หลังเกิดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศชต. ลงนามให้ผู้กำกับการในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ให้มาช่วยราชการ เป็นเวลา 30 วัน เนื่องจาก ปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุผู้ก่อความไม่สงบ บุกรุกเข้าไปในโรงพยาบาลเจาะไอร้อง และปะทะกับเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พร้อมยืนยันว่า พอทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุในโรงพยาบาลเจาะไอร้องแล้ว และบางส่วนมีหมายจับคดีความมั่นคงหลายหมาย ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคง อยู่ระหว่างการติดตามตัว เพราะคดีนี้มีพยานหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน โดยกำชับให้ตำรวจในพื้นที่ มีการหารือกับกองทัพภาคที่ 4 เพื่อปรับแผนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ให้เข้มงวดมากขึ้น และไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก
ส่วนการปราบปรามผู้มีอิทธิพล พลตำรวจเอกจักรทิพย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งย้ายตำรวจกว่า 100 นายที่พบว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลออกนอกพื้นที่หมดแล้ว เพื่อลดความกังวลของประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งจากนี้ก็จะมีการคุมความประพฤติและตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่หากพิจารณาแล้วว่าจะไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลอีก ก็จะให้โอกาสกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม โดยไม่กังวลเรื่องกำลังตำรวจในพื้นที่ที่อาจลดน้อยลง เพราะต้องเลือกผลประโยชน์ของประชาชนมาก่อน
ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นจากเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงเข้าภายในวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐมแล้ว จึงได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมและตำรวจภูธรภาค 7 เร่งดำเนินการสืบสวน ส่วนตัวเชื่อเป็นการก่อเหตุเนื่องจากเรื่องส่วนตัว โดยไม่ได้มีความประสงค์สร้างความสูญเสียต่อชีวิต แต่ขณะนี้ยังคงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด และนำอาวุธปืนมาจากที่ใด ต้องรอการสืบสวน