การรองรับปัญหารถต่างชาติมราขับข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ในประเทศเป็นการชั่วคราว นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยหลังการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมทางหลวง กองบังคับการตำรวจจราจร ผลจากการหารือร่วมกันได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า รถที่จะนำข้ามพรมแดนเข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวได้ต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 9 ที่นั่ง (นับรวมคนขับ) รถยนต์บรรทุก (กระบะ) ที่มีน้ำหนักรถรวมบรรทุกไม่เกิน 3,500 กิโลกรัมในส่วนของรถจักรยานยนต์และรถบ้าน (Motorhome) ไม่อนุญาตให้นำข้ามพรมแดนมาได้
โดยกำหนดให้สามารถนำรถเข้ามาได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน ในรอบปีรวมแล้วต้องไม่เกิน 60 วัน โดยต้องเป็นการยื่นขออนุญาตผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวของไทยเท่านั้น และต้องแจ้งขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อย 10 วันทำการ ต่อสำนักงานขนส่งจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของด่านศุลกากรที่จะนำรถเข้า
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการขออนุญาตรถคันละ 500 บาท และค่าเครื่องหมายแสดงการใช้รถแผ่นละ 500 บาท สำหรับเงื่อนไขการใช้รถในประเทศไทย สามารถใช้ได้เฉพาะภายในเขตจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของด่านศุลกากรที่เข้ามา ต้องติดเครื่องหมายแสดงการใช้รถไว้ในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน มีใบอนุญาตขับรถที่กฎหมายไทยรับรอง มีสัญญาและกรมธรรม์ประกันภัย มีสำเนาหนังสือแสดงการจดทะเบียนรถพร้อมฉบับแปล และต้องปฏิบัติตามกฎจราจร และกฎหมายอื่นๆ ของประเทศไทยอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบก กรมศุลกากร และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้จัดทำระบบเชื่อมโยงข้อมูลของรถที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ให้เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรสามารถตรวจสอบข้อมูลเพื่ออนุญาตให้รถเข้าประเทศได้ และสามารถตรวจสอบสถานะของรถได้ว่ายังอยู่ในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายกรณีพบการกระทำความผิดของนักท่องเที่ยว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องส่งข้อมูลการกระทำความผิดให้กรมการขนส่งทางบกบันทึกประวัติเพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับประกอบการพิจารณาไม่อนุญาตให้นำรถเข้าประเทศได้ต่อไป โดยข้อกำหนดใหม่นี้ให้บังคับใช้กับรถจากประเทศที่ไม่มีความตกลงกับไทย เช่น จีน เมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม ส่วนประเทศที่มีข้อตกลงอยู่แล้ว คือ ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ให้ใช้ข้อตกลงเดิม ทั้งยังยกเว้นรถท้องถิ่นที่เข้าออกเป็นปกติบริเวณชายแดนด้วย