การลงพื้นที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อรับฟังเสียงประชาชนตามโครงการสภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ และจ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม โดยมีตัวแทนจากสภาปฏิรูปประเทศและผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จุดแรกที่เดินทางมาถึงคือศาลาว่าการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยส่วนราชการจ.ประจวบคีรีขันธ์ สะท้อนปัญหาอุปสรรคต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขภายใต้อำนาจของ สนช.
นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จังหวัดต้องการให้ สนช. ผลักดันการขยายเส้นทางเพชรเกษมสายเก่า หัวหิน-ปราณบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยต้องการขยายเส้นทางเป็น 4 ช่องจราจร ในช่วงของอ.หัวหินไปอุทยานราชภักดิ์ และจากอุทยานราชภักดิ์ไปอ.ปราณบุรี เพื่อความปลอดภัยและส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเสนอโครงการยกระดับจุดผ่อนปรนด่านสิงขร ให้เป็นจุดผ่อนปรนถาวร เพื่อเป็นช่องทางการค้าระหว่างไทยและประเทศเมียนมาและส่งเสริมด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ รวมไปถึงให้ขยายการให้บริการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อรองรับการขยายด่านที่จะต้องรองรับทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า
นอกจากนี้ ต้องการให้ สนช. ผลักดันในเรื่องการสำรวจเส้นทางการบินในอำเภอเมือง ต้องการให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้บริการสนามบินพาณิชย์ เพื่อขยายโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวอำเภอต่างๆ ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพิ่มเติมจากเพียงแค่อ.หัวหิน หรืออ.ปราณบุรี และเพื่อลดเวลาในการเดินทางท่องเที่ยวอีกด้วย นอกจากนี้ ยังต้องการสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยว มาตรการในเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวโดยต้องการให้เพิ่มบุคลากรด้านต่างๆ ให้สอดคล้องกับพื้นที่ทั้งหมด
ขณะที่ นายพีรศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 กล่าวว่า สนช. จะทำงานโดยนำปัญหาประชาขนเป็นตัวตั้ง พร้อมยืนยันจะติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป
ผู้สื่อข่าว: ปิยะธิดา เพชรดี