ภายหลังจาก นายโมฮัมหมัด จาหวัด ซาริฟ (H.E. Dr. Mohammad Javad Zarif) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เข้าพบพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาล พลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การพบหารือในวันนี้เป็นการแสดงว่า สองประเทศต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันและอิหร่านพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในทุกด้านเช่น ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า ไทยและอิหร่าน เพิ่งบรรลุข้อตกลงเพื่อให้แผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์ที่มีผลบังคับใช้ นายกรัฐมนตรีต้องการส่งเสริมให้อิหร่านซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ที่มีประชากรกว่า 80 ล้านคน เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทยในตะวันออกกลาง และให้ไทยเป็นศูนย์กระจายสินค้าให้แก่อิหร่านในอาเซียน
ด้านการเกษตร อิหร่านต้องการซื้อข้าวจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งไทยก็มีข้าวหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิคุณภาพสูง หรือ ข้าวที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งยังมีสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปที่มีคุณภาพดีและราคาไม่แพง
ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว อิหร่านต้องการเรียนรู้ประสบการณ์จากไทยและส่งเสริมให้ไทยไปลงทุนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในอิหร่าน โดยเห็นพ้องที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้พิจารณาเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างกัน รวมถึง ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบแพ็คเกจ
ส่วนด้านความมั่นคง ไทยและอิหร่านจะร่วมมือกันโดยครอบคลุม ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร การป้องกันการก่อการร้ายและต่อต้านแนวคิดสุดโต่ง การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และยาเสพติด ตลอดจน อาชญากรรมข้ามชาติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะเร่งดำเนินการความร่วมมือต่างๆ กับอิหร่านในทุกด้าน เป็นการปูพื้นฐานความสัมพันธ์ในอนาคต โดยที่รัฐบาลชุดนี้ได้เข้ามาเพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ประเทศไทย ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจทางการเมือง และจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ตามโรดแม็ปที่ได้วางไว้ในปี 2560 ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน สนับสนุนการทำงานของนายกรัฐมนตรีและการสร้างเสถียรภาพให้กับประเทศ
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี