*ผบ.ตร.ขีดเส้น11มี.ค.รวบรวมข้อมูลผู้มีอิทธิพล/หุ้นสหรัฐฯผันผวนอีซีบีขึ้นดอกเบี้ย/5 ปีแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น*

11 มีนาคม 2559, 07:56น.


+++การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าภายใน 1-2 สัปดาห์ จะเสนอโครงการบ้านประชารัฐต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อสนับสนุนให้ประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้มีรายได้ไม่แน่นอน หรือผู้มีอาชีพอิสระ มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ระยะเวลาโครงการ 2 ปี ผู้กู้ต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน สามารถกู้ซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างใหม่ รวมถึงเป็นทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แต่ถ้ามีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยแล้ว สามารถกู้ซ่อมแซมหรือต่อเติมในวงเงิน 5 แสนบาท แต่บ้านและที่ดินต้องมีมูลค่าไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น ปีแรกฟรีดอกเบี้ย



+++ นายวิสุทธิ์ มอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ร่วมปล่อยกู้ 7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการเพื่อนำไปพัฒนาโครงการบ้านประชารัฐวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท และปล่อยกู้สำหรับประชาชนวงเงิน 4 หมื่นล้านบาท



+++นายฉัตรชัย ศิริไล รองกรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวว่า หาก ครม.อนุมัติโครงการในวันที่ 15 มีนาคม ธอส.จะเปิดให้ยื่นกู้ทันทีในวันที่ 16 มีนาคม คาดว่าจะเต็มวงเงินในเดือนเมษายน เนื่องจากไม่ได้กำหนดรายได้ของผู้กู้ กำหนดแต่ราคาบ้านและคอนโดมิเนียมเท่านั้น



+++นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า อยู่ระหว่างพิจารณาเงื่อนไขการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านใหม่ ทั้งบ้านประชารัฐและโครงการอื่นๆ คาดว่าจะเสนอให้ ครม.อนุมัติในวันที่ 15 มีนาคมนี้ ภายใต้วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท



+++นายไพบูลย์ นลินทรางกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีปีนี้จะโตต่ำกว่าปี 2558 ทั้งปีจะโตเพียงร้อยละ 2.7 จากปีก่อนหน้าโตร้อยละ 2.8 เนื่องจากการท่องเที่ยวเติบโตในอัตราที่ลดลง การลงทุนภาครัฐยังไม่เกิดขึ้นจริง อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำจึงไม่บริโภคเพราะเชื่อว่าอนาคตจะซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลง แม้ภาครัฐจะพยายามออกนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายก็ตาม หากประชาชนและภาคธุรกิจยังไม่มั่นใจ เม็ดเงินก็จะไม่หมุนเวียนในระบบมากอย่างที่คาด คาดการณ์ว่ากรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจปรับลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นให้ประชาชนเร่งใช้จ่ายก่อนราคาสินค้าจะแพงขึ้น



+++สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 37.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดในกรอบแคบๆท่ามกลางการซื้อขายที่ผัวผวน หลังธนาคารกลางยุโรป(อีบีซี) ปรับลดดอกเบี้ย ดาวโจนส์ ลดลง 5.23 จุด ปิด 16,995.13 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.31 จุด ปิดที่ 1,989.57 จุด แนสแดค ลดลง 12.22 จุด ปิดที่ 4,662.16 จุด ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท เปิดตลาดในแดนบวก หลังจากอีซีบี สร้างเซอร์ไพรซ์ด้วยการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญๆสู่แดนลบมากกว่าเดิม และเพิ่มวงเงินในมาตรการซื้อพันธบัตรจาก 60,000 ล้านยูโรเป็น 80,000 ล้านยูโร เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของภูมิภาค



+++อย่างไรก็ตาม นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี บอกว่าการปรับลดดอกเบี้ยอีกในอนาคตต้องอยู่ภายใต้กรณีแวดล้อมที่รุนแรงเท่านั้น นักลงทุนบางส่วนยังกังวลว่าดอกเบี้ยระดับต่ำของยุโรปอาจกระทบต่อภาคธนาคารของสหรัฐฯและส่งผลกระทบทางลบแก่การส่งออกจากการอ่อนค่าของยูโร



+++ความผัวผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ น้ำมัน รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำพุ่งแรง แตะระดับสูงสุดในรอบปีกว่า โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 15.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,272.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์



+++บ่ายวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)



+++การเดินทางมาร่วมประชุมของประเทศสมาชิกกลุ่มจี 77 กว่า 500 คน ที่ประเทศไทย นอกเหนือจากการประชุมวิชาการสนับสนุนการมีส่วนร่วม และการรวมตัวของประเทศกำลังพัฒนาเข้ากับระบบเศรษฐกิจโลกยุคโลกาภิวัตน์  ผู้ร่วมประชุมได้เดินทางไปที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประธานกลุ่ม 77 นำคณะผู้ทรงคุณวุฒิ เดินทางเยี่ยมชมศึกษาดูงาน พร้อมรับฟังการบรรยายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จากนั้นชมนิทรรศการความสำเร็จของการขยายผลปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฎีใหม่ขั้นที่ 2 ไปสู่เกษตรกร และเยี่ยมชมกิจกรรมการพัฒนาแหล่งน้ำ การพัฒนาป่าไม้ การพัฒนาปศุสัตว์ การพัฒนาการประมง  



+++การลงโทษคดีค้ามนุษย์ สำนักข่าวเอพี รายงานจากเมืองอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ไต้ก๋งเรือประมงชาวไทย 5 คน และชาวอินโดนีเซียอีก 3 คน ถูกศาลอินโดนีเซียตัดสินให้ลงโทษจำคุกคนละ 3 ปี จากความผิดฐานค้ามนุษย์ เกี่ยวพันกับการบังคับใช้แรงงานทาสลูกเรือประมง ในอุตสาหกรรมอาหารทะเล กลุ่มจำเลยถูกจับที่เกาะเบนจินา จังหวัดโมลุกกะ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอินโดนีเซีย ประมาณ 2,900 กม.ทางตะวันออกของกรุงจาการ์ตา เมื่อเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว หลังการทารุณแรงงานลูกเรือประมง จำเลยทั้งหมดถูกนำตัวดำเนินคดีที่ศาลเมืองตวล จังหวัดโมลุกกะ องค์คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลแขวงเมืองตวล ยังสั่งให้จำเลยแต่ละคนจ่ายเงินค่าปรับคนละ 12,250 ดอลลาร์สหรัฐฯ (4 แสน 32,150 บาท) หรือจำคุกแทนคนละ 2 เดือน



+++จำเลยซึ่งเป็นไต้ก๋งเรือประมงชาวไทย 5 คน ประกอบด้วย นางยงยุทธ นิติวงศ์เจริญ นายบุญสม ใจกล้า นายสุรชัย มณีพงศ์ นายหัสพร แพทย์จะเกร็ง และนายสมจิต กรณีสุข ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยแก่ลูกเรือที่ถูกกลุ่มจำเลยละเมิด รวมกันทั้งหมด 67,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ  (ประมาณ 2 ล้าน 3 แสน 91,830 บาท)



+++คดีนี้ลูกเรือประมงชาวเมียนมา 13 คน เป็นพยานให้การต่อศาล ระบุว่า ถูกกลุ่มจำเลยกระทำทารุณ บางครั้งถูกบังคับให้ทำงานหนักวันละ 24 ชั่วโมง โดยไม่เคยได้รับค่าจ้าง นอกจากนั้นยังถูกกักขังในที่พัก ที่มีสภาพเหมือนห้องขังในเรือนจำ



+++มาตรการปราบปรามผู้มีอิทธิพลของรัฐบาล พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าเป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพลทางการเมือง รายชื่อที่ปรากฏออกมา มีทั้งข้อมูลเก่าและใหม่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่และตำรวจ ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทำรายงานมาภายใน 7 วัน โดยจะครบกำหนดภายในวันนี้  จะพิจารณาว่าบุคคลที่เข้าข่ายจะดำเนินการตามขั้นตอน ในส่วนของเจ้าตำรวจที่มีส่วนเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล มีทั้งเป็นผู้มีอิทธิพลโดยตรงและให้การสนับสนุนผู้มีอิทธิพล พบมากที่สุดในฐานความผิดเกี่ยวกับคดียาเสพติดและมีบ้างที่เกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม ยังให้โอกาสคนที่มีรายชื่อแต่เลิกกระทำความผิดไปแล้ว มาตรการแก้ไขปัญหาผู้มีอิทธิพลนี้ไม่ได้มีแค่ 6 เดือน เพราะมีแผนระยะยาว



+++ศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 ครบรอบ 5 ปี เหตุแผ่นดินไหวและสึนามิ คร่าชีวิตชาวญี่ปุ่นราว 1.85 หมื่นคน  เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้เตาปฏิกรณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ หลอมละลายและแพร่กระจายกัมมันตรังสี   นับจากวิกฤติเมื่อ 5 ปีก่อน มีเตาปฏิกรณ์ 4 แห่งเท่านั้นจากเกือบ 50 แห่งที่เปิดใช้งานเมื่อไม่นานมานี้ ภายใต้มาตรการความปลอดภัยเข้มงวดกว่าเดิม แต่แล้วศาลตัดสินเมื่อวันพุธ สั่งปิดเตาปฏิกรณ์สองในสี่ ด้วยเหตุผลความปลอดภัย มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสึนามิ ขยับย้ายไปอยู่บนที่สูงขึ้น มีการก่อสร้างกำแพงกั้นคลื่นตามแนวชายฝั่งใหญ่โตกว่าเดิม เช่นเดียวกับแนวกั้นปกป้องเตาปฏิกรณ์ที่อยู่ในข่ายเสี่ยงที่สูงกว่าเดิม  นอกจากนี้ยังมีการผ่านกฎหมายใหม่เพื่อช่วยให้รัฐบาลกลางรับมือภัยพิบัติได้เร็วขึ้น และชุมชนต่างๆ ก็เตรียมแผนการอพยพไว้อย่างรอบคอบ เนื่องจาก แผ่นดินไหวปี 2554 เป็นแผ่นดินไหวระดับ 9 รุนแรงที่สุดเท่าที่ญี่ปุ่นเคยประสบ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ระบุว่า เกิดอาฟเตอร์ช็อกเกิน 12,000 ครั้งในพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก



 



 

ข่าวทั้งหมด

X