นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนี ตำหนิหลายชาติในยุโรปกรณีการปิดชายแดนในแถบคาบสมุทรบอลข่านโดยไม่มีการหารือเพื่อไม่ให้ผู้อพยพผ่านแดนเข้าไปยังประเทศอื่นๆในกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระบุว่า การปิดชายแดนเช่นนั้นยิ่งจะทำให้กรีซอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากมากยิ่งขึ้นและไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาวิกฤติได้อย่างยั่งยืน ที่สำคัญคือการปิดชายแดนในลักษณนั้นจะต้องทำโดยฉันทามติของกลุ่มอียู ก่อนหน้านี้สมาชิกอียูคือ ออสเตรีย สโลวีเนีย โครเอเชียและอีก 2 ประเทศที่ไม่เป็นสมาชิกอียูคือ เซอร์เบียและมาซิโดเนีย ปิดชายแดนในแถบคาบสมุทรบอลข่าน เพื่อลดการไหลบ่าเข้าไปของผู้อพยพ ส่งผลให้มีผู้อพยพติดค้างอยู่ในกรีซราว 14,000 คน
ขณะเดียวกันกลุ่มอียูและตุรกี ซึ่งเป็นจุดที่ผู้อพยพแล่นเรือข้ามไปยังกรีซ ได้ร่างแผนเพื่อแก้ไขวิกฤติดังกล่าว ภายใต้แผนนี้ซึ่งได้รับการเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดของกลุ่มอียู-ตุรกีในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมเมื่อวันจันทร์ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนคือผู้อพยพที่แล่นเรือจากตุรกีเข้าไปยังกรีซจะถูกส่งกลับทั้งหมด แต่สำหรับผู้อพยพซีเรียที่ถูกส่งกลับและชาวซีเรียทุกคนในตุรกีจะถูกส่งไปตั้งถิ่นฐานใหม่ในกลุ่มอียูในอนาคต ผู้อพยพกว่า 1 ล้านคนไปถึงยุโรปเมื่อปีก่อน ในจำนวนนี้ กว่า 4 แสน 76,000 คนยื่นเรื่องขอลี้ภัยในเยอรมนี
ทีมต่างประเทศ
CR:แฟ้มภาพ