*พล.ร.อ.พะจุณณ์เผยพล.อ.เปรม สอบถามเรื่องคดี ยืนยันต่อสู้ตามกม.ปฎิรูปตำรวจต่อ *

ก่อนการเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.)  เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จากกรณีการส่งข้อความทางแอพพลิเคชั่นไลน์ อ้างว่ามีนายทหารยศพลเอกเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ร.อ. พะจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)  กล่าวกับบสื่อมวลชนด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่มีความกังวลว่า วันนี้ก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทีมทนายความ ที่นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ มีการเตรียมเอกสาร ข้อมูล และหลักฐาน มาเป็นอย่างดี  โดยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้โทรศัพท์มาสอบถาม เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยตัวเองได้เรียนไปแล้วว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และบอกกับพล.อ. เปรมด้วยว่า ตัวเองสามารถแก้ปัญหาเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ขออย่าให้กังวลในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องปราบทุจริต ที่พล.อ . เปรม ได้ทำมาก่อนหน้านี้ ก็ขอให้ตัวเองและคนรุ่นหลังเป็นผู้ดำเนินการแทน

ส่วนการปฏิรูปตำรวจ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ยืนยันว่า จะดำเนินการต่อ แม้จะถูกกดดันตลอดเวลา แต่ก็ได้กำลังใจจากประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้ามาหาเพื่อขอให้ตัวเองเดินหน้าปฏิรูปตำรวจต่อ เพราะอยากเห็นตำรวจมีภาพลักษณ์ที่ดี เป็นที่รักของประชาชน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดคุยกับพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคิดว่าไม่จำเป็นต้องคุย

ด้านนายนิติธร กล่าวว่า ในวันนี้ได้มายื่นหนังสือต่อบก.ปอท. เพื่อขอให้ทบทวนการแจ้งข้อกล่าวหากับพล.ร.อ. พะจุณณ์ เบื้องต้นยังไม่ทราบข้อกล่าวหาที่แท้จริง ว่าพล.ร.อ. พะจุณณ์ มีความผิดในเรื่องอะไร แต่ได้แบ่งข้อความออกเป็น 3 ส่วน คือ กรณีที่บอกว่ามีทหารยศพล.อ. เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งในเรื่องนี้พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาระบุแล้วว่าไม่เป็นความจริง ส่วนเนื้อหาที่บอกว่ามีการซื้อขายตำแหน่งนั้น ยังไม่ทราบถึงข้อมูลที่แท้จริงว่าออกมาได้อย่างไร และในส่วนข้อความของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ก็ยังไม่สามารถยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งจริง  โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าพล.ร.อ. พะจุณณ์ เป็นผู้ส่งข้อความนั้นจริง ซึ่งจะต้องรอการตรวจสอบ ส่วนการที่มวลชนเดินทางมาให้กำลังใจนั้น ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นผู้ที่มีอุดมการณ์เดียวกันและต้องการเห็นการปฏิรูป