ข่าวเที่ยงครึ่ง
+++การปราบปรามผู้มีอิทธิพล พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่า เราทำมานานแล้วและต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลที่ได้มามีการวิเคราะห์แล้วว่ายังมีผู้อิทธิพลอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ พลเรือน ตำรวจ และทหาร เข้าไปตรวจสอบ จากนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ไม่ได้ตั้งกรอบเวลาว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในกี่เดือน เราจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด เพียงแต่จะเน้นให้มีความเข้มข้นในช่วง 6 เดือนตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุ แต่ไม่ใช่ว่าครบ 6 เดือนแล้วจะหยุด เพื่อให้ผู้มีอิทธิพลหมดไปจากประเทศนี้ และให้คนบริสุทธิ์สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ พล.อ.ธีรชัย ยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติในทุกพื้นที่และทุกหน่วย ไม่มีแบ่งฝ่าย ไม่เจาะจงว่าต้องเป็นการเมือง หรือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่กับฝ่ายการเมือง หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งทหาร จะไม่มีเตือน แต่จะดำเนินการแบบแรงทันที เพราะสั่งการไปหลายครั้งแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานอื่นได้ส่งรายชื่อไปต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่ืวคราว ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 9/2559 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2559 โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งรับผิดชอบโครงการหรือกิจการที่อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) สามารถเสนอรให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินโครงการไปพลางก่อนได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดําเนินการสำหรับคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 ได้บัญญัตข้อความเพิ่มเป็นวรรค 4 ของมาตรา 47 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ข้อความระบุว่า ในกรณีที่มีความจําเป็นเร่งด่วนเพื่อประโยชน์ในการดําเนินโครงการหรือกิจการด้านการคมนาคมขนส่ง การชลประทาน การป้องกันสาธารณภัย โรงพยาบาล หรือที่อยู่อาศัย ในระหว่างที่รอผลการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามวรรคหนึ่ง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการหรือกิจการนั้น อาจเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ดําเนินการ เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกชนผู้รับดําเนินการตามโครงการหรือกิจการไปพลางก่อนได้ แต่จะลงนามผูกพันในสัญญาหรือให้สิทธิกับเอกชนผู้รับดําเนินการตามโครงการหรือกิจการไม่ได้
++++นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กล่าวว่า คำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 อนุญาตให้เปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่ยังไม่ผ่านอีไอเอได้ เพื่อที่จะให้ได้ตัวผู้รับเหมามาก่อน จากนั้นเมื่ออีไอเอผ่านก็ค่อยลงนามในสัญญา ซึ่งถือว่าผิดหลักการอย่างสิ้นเชิง การออกคำสั่งนี้มีการแอบแฝง เพราะคนที่ได้รับประโยชน์จริงๆ คือกลุ่มเอกชนและผู้รับเหมาที่จะมารับทำโครงการรัฐบาล ผลจากคำสั่งดังกล่าวจะทำให้โครงการเมกะโปรเจ็คของรัฐบาลได้รับผลประโยชน์ เช่น รถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟฟ้าหลากสี ก่อสร้างโรงไฟฟ้า การก่อสร้างเขื่อน
+++สมาคมค้าทองคำประกาศราคาทองในประเทศเช้านี้ปรับตัวลดลงถึงบาทละ 300 บาท โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อ 20,950 บาท ขายออก 21,050 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อ 20,647.92 บาท ขายออก 21,450 บาท ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ หลังจากเกิดแรงขายทำกำไรของนักลงทุน แม้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรจากราคาน้ำมันที่เริ่มอ่อนตัวลง และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ส่งสัญญาณออกมาแย่อีกครั้ง แต่ราคาทองซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยก็กลับอ่อนตัวลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่รอความชัดเจนของการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คืนวันที่ 10 มีนาคม และการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สัปดาห์หน้า และราคาทองก็ถูกกดดันจากแรงขายของกองทุน SPDR ที่ขายทองคำออกมาเล็กน้อย ทำให้ราคาทองคำตอนนี้ยังขาดความชัดเจน
+++ผลการติดตามตัว อริสรา ซาร่า มิลส์ เด็กหญิงชาวอังกฤษวัย 13 ปี ที่หายสาบสูญไปอย่างปริศนาหลังเดินทางมากรุงเทพมหานครพร้อมกับนาย เทรเวอร์ มิลส์ ผู้เป็นพ่อชาวอังกฤษเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) เปิดเผยว่า สตม. พบตัวสองพ่อลูกนี้แล้ว โดยขณะนี้ทั้งคู่ได้พักอาศัยอยู่ในอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา โดยสตม. ได้ติดต่อประสานงานให้สองพ่อลูกไปแสดงตัวที่สถานกงสุล จ. เชียงใหม่ จากตรวจสอบการเดินทางของสองพ่อลูก พบว่า มีการเดินทางจากประเทศไทย ไปยังประเทศลาว โดยออกนอกประเทศผ่านเส้นทางสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 4 เชียงของ-ห้วยทราย จังหวัดเชียงราย และเดินทางกลับมาพักที่ไทยอีกครั้ง โดยขอต่อวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 2 เมษายนนี้ ก่อนหน้านี้ ตำรวจอังกฤษกำลังประสานงานกับตำรวจสากล และ ตำรวจไทยเพื่อหาตัวพ่อลูกคู่นี้ ก่อนจะร้องขอข้อมูลจากสาธารณชนที่เป็นประโยชน์ต่อการตามหา นาย เทรเวอร์ มิลส์ และลูกสาว โดยทางการอังกฤษระบุว่าความปลอดภัยของเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้