*ตัวแทนกลุ่มจี77 ชี้ให้คนไทยควรภูมิใจ รัฐบาลทหารมีธรรมาภิบาลสูง แตกต่างกับชาติอื่น*

หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการประชุมผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูงของกลุ่มประเทศ 77 ว่าด้วยความร่วมมือ ระหว่างประเทศกำลังพัฒนา หรือ กลุ่ม จี77 เสร็จสิ้นนั้น นายกรัฐมนตรี ก็ขึ้นรถเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล โดยไม่ให้สัมภาษณ์กลับสื่อมวลชนแต่อย่างใด 

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า  ครั้งนี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 3 ของประเทศกลุ่ม จี77 และเป็นอีกรูปแบบหนึ่งเนื่องจากผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและอดีตผู้บริหารประเทศจากประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เพื่อนำเอาประสบการณ์มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา หรือความร่วมมือใต้-ใต้ให้เกิดการพัฒนาที่รวดเร็ว   โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวในที่ประชุมว่า สิ่งที่กลุ่มจี 77 กำลังดำเนินการ และมองเห็นคือ การพัฒนาที่เป็นหัวใจมุ่งพัฒนาสู่ประชาชน ที่กำลังแพร่กระจายไปตามกลุ่มต่างๆ อาทิ เอเปค พร้อมกำชับถึงสิ่งที่องค์การสหประชาชาติเน้นย้ำในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การป้องกันภัยพิบัติ การช่วยเหลือทางการเงินเพื่อการพัฒนา และวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนจนถึง ค.ศ. 2030 ที่มีสูตรสำเร็จในการเข้าถึงเป้าหมายโดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินการ

ซึ่งในที่ประชุมวันนี้ มีผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่งที่เข้าร่วมการประชุมได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมารัฐบาล มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลที่ตกต่ำ แต่เมื่อมีรัฐบาลทหารธรรมาภิบาลกลับสูงขึ้นในสายตาของผู้คนในเอเชีย ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกเพราะรัฐบาลทหารที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องความโปร่งใส และคนไทยควรจะรับรู้ว่าไทยมีความแตกต่างกับชาติอื่นๆ คนไทยควรจะภูมิใจในสิ่งนี้

ซึ่งสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เรื่องธรรมาภิบาลที่ต้องทำให้มีความชัดเจนทั่วทั้งประเทศ รวมถึงสอดรับกับจากการจัดอันดับดัชนีความทุกข์ของบลูมเบิร์กที่พบว่าประเทศไทยมีความสุขทางเศรษฐกิจมากที่สุด เพราะมีความพอเพียง มีความโปร่งใสและคุณธรรมในระดับสูง ทั้งนี้ไทยยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียนกับยูเอ็น และพยายามรวบรวมข้อมูล และจะเร่งทำทุกอย่างให้เต็มที่ก่อนการประชุมสหประชาชาติในเดือนกันยายน เพื่อส่งมอบตำแหน่งให้ประธานจี 77 คนใหม่

นายดอน กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้ยกตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับ ผลสำรวจความคิดเห็นความเห็นของประชาชนในการบริหารประเทศในช่วง 1 ปี 6 เดือน ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ของสวนดุสิตโพล ที่ได้ถึงร้อยละ 73 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งตามหลักมาตรฐานสากลระดับที่เกินร้อยละ 65 ถือว่าดีมาก แต่การที่นายกรัฐมนตรีได้รับเสียงที่มากกว่านี้แสดงว่าการบริหารของรัฐบาลที่ผ่านมาดำเนินการในทิศทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่าหากประเทศเป็นเอกภาพมากกว่านี้คะแนนก็จะสูงขึ้น โดยนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบว่า ถึงแม้จะมีการร้องเรียนหรือ การโวยวายจากคนที่ถูกควบคุมตัวเพียงไม่กี่คน หากเทียบกับคนกลุ่มใหญ่ในประเทศกว่า 60 ล้านคนที่พอใจ และไม่ได้ออกมาเรียกร้อง ก็ทำให้ทราบคำตอบในตัวอยู่แล้ว