คดีตรวจสอบรถหรู ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง วัดปากน้ำ นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความส่วนตัวพระมหาศาสนมุนี (พระธนกิจ สุภาโว) หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ นำรถยนต์ ยี่ห้อเมอร์เซเดส เบนซ์ ขม 99 กรุงเทพฯ ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญใส่รถบรรทุกมาส่งมอบให้ดีเอสไอ โดยมีพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร เป็นผู้รับมอบ
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การส่งมอบในครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่ารถคันดังกล่าว ที่ดีเอสไอออกข่าวหลายครั้งแล้วว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น จึงส่งมาให้ตรวจ ขอให้ออกเป็นหนังสือ อย่าแถลงข่าวว่ารถคันนี้ถูกหรือไม่ถูกกฎหมาย หากผิดกฎหมายก็ให้ไปดำเนินคดีกับผู้ที่ขายรถให้สมเด็จช่วงฯ โดยนายวิชาญ รัษฐปานะ เป็นผู้ขาย และเป็นเจ้าของอู่วิชาญ เพราะเราเป็นผู้เสียหาย ไม่ใช่ผู้ต้องหา ส่วนสมเด็จช่วงจะเดินทางมาให้ถ้อยคำกับดีเอสไอเมื่อใด นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทางวัดปากน้ำฯ ไม่สามารถให้ปากคำได้ เพราะพนักงานสอบสวนไม่เคยแจ้งข้อกล่าวหากับสมเด็จช่วง และสมเด็จช่วงไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนไม่เคยแจ้งว่าเราเป็นผู้ต้องหาเลย เพียงแต่เป็นผู้ที่ครอบครองรถ และสันนิษฐานว่ารถคันนี้อาจได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ให้เป็นตัวแทนการรับมอบรถ ซึ่งจะนำรถไปเก็บรักษาไว้ลานจอดรถชั้น 8 อาคารไปรษณีย์ไทย ถนนแจ้งวัฒนะ กทม.ส่วนการดำเนินคดีขณะนี้ดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษ โดยอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักคดีภาษีอากร จะรับไปทำการสอบสวนต่อไป ซึ่งรถทั้งหมดตามที่ได้รับข้อมูลจากกรมการขนส่งจะส่งเอกสารการครอบครองรถมาให้ดีเอสไอ หลังจากนั้น จะดำเนินการตามที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกปฏิบัติ หลังรับรถเบนซ์คันดังกล่าวไว้ จะทำบันทึกให้กับผู้รับมอบอำนาจจากสมเด็จช่วง สำหรับรถคันดังกล่าวอยู่ในการสอบสวน ซึ่งใครถูกหรือผิด ใครทำอย่างไรนั้น กระบวนการขั้นตอนป็นอย่างไรทางดีเอสไอจะดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนตรวจสอบรถทางกายภาพถือว่ายุติแล้ว