*รองโฆษกรัฐบาล แจงประเด็นสิทธิมนุษยชนในไทย ชี้ แอมเนสตี้รายงานถูกหลักการกต้องผิดรายละเอียด*

การติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย  นายชำนาญ จันเรือง ประธานแอมเนสตี้ ประเทศไทย เดินทาง เข้าพบ พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   โดยนายชำนาญ  เปิดเผยว่า ได้มาติดตามเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ได้มีการยื่นเสนอฝ่ายรัฐบาลไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน การชุมนุม และการดำเนินคดีในศาลทหาร ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้พยายามอธิบายถึงความจำเป็นต่างๆ โดยให้เหตุผลว่าพยายามทำทุกอย่างใหัเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งจากที่ได้พูดคุยวันนี้ส่วนตัวจะมีการรายงานให้แอมเนสตี้สากลให้รับทราบ และจะติดตามประสานงานเพื่อดูความคืบหน้าต่อไป

ด้าน พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ได้ชี้แจงวิธีการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาว่า รัฐบาลพยายามทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในเรื่องสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน โดยรัฐบาลต้องการเห็นประเทศไทย มีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ประชาธิปไตยที่ทำงานได้จริง และประเทศไทยที่ไม่ถูกละเมิด ในเรื่องของสิทธิมนุษยชนก็จะต้องเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และบริบทของสังคมไทย และเรื่องให้ประชาชนมีสิทธิมนุษยชนทั้งของตนเอง และผู้อื่นรวมถึงความรับผิดชอบ

ส่วนเรื่องการแสดงออกนั้น พล.ต.วีรชน กล่าวว่า รัฐบาลต้องการให้ไทยมีสิทธิเสรีภาพ ที่จะต้องไม่ละเมิดผู้อื่น เพราะทุกอย่างที่รัฐบาลทำมีเหตุผลที่มาที่ไป และมีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศที่มีมาตรฐานสากลตามที่แอมเนสตี้กังวล พร้อมยืนยันว่าไทยมีมาตรฐาน โดยเรื่องสิทธิมนุษยชนดูได้จากที่แรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานในไทย รัฐก็ช่วยดูแล

ส่วนการหารือวันนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นการสร้างความเข้าใจ และการสร้างความรับรู้  ซึ่งอาจจะยังไม่ชัดเจนในบางเรื่องก็ขอให้พูดคุยกันก่อนที่จะจัดทำรายงาน และให้กลั้นกรอง สอบถามเจ้าหน้าที่ในด้านนั้นๆก่อนสรุป เพื่อให้เกิดความชัดเจนของการทำงานในวันข้างหน้า ซึ่งแอมเนสตี้ก็ถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะทำให้ชาวต่างชาติเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น และเชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะมีความเข้าใจในหน้าที่ และจะพยายามหาความเป็นกลางของทั้งสองฝ่าย ซึ่งรัฐบาลมองว่า แอมเนสตี้มีประโยชน์ต่อสังคมและนานาประเทศ ดังนั้นการทำความเข้าใจรูปแบบและบริบทจะทำให้แอมเนสตี้สะท้อนความเป็นไทยได้อย่างรอบด้าน  ส่วนรายงานของแอมเนสตี้ที่ผ่านมาถูกต้องในหลักการแต่ผิดในรายละเอียด เช่น การชุมนุมในส่วนหลักการอาจจะใช่ แต่ในส่วนรายละเอียดจะต้องดูถึงความบริสุทธิ์และเจตนาในการเคลื่อนไหวด้วยว่าเป็นอย่างไร