การทำศัลยกรรมใบหน้าให้นายสุรชัย สมบัติเจริญ ซึ่งเข้าร่วมในโครงการของดร.เซปิง ที่เข้าข่ายโฆษณาเกินจริง นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการดำเนินการสอบจริยธรรมและจรรยาบรรณของแพทย์ผู้ทำศัลยกรรม รวมถึง สอบแพทย์เพิ่มอีกหนึ่งคนที่เป็นผู้ดำเนินการสถานพยาบาลหรือผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่ทำศัลยกรรมให้กับนายสุรชัยด้วย เนื่องจากสถานพยาบาลดังกล่าว กรมสนับสนุนบริการสาธารณสุข(สบส.)มีความเห็นว่ายินยอมให้มีการโฆษณาเกินจริงเพราะไม่มีการยับยั้งการโฆษณาแต่อย่างใด ซึ่งตามกฎหมายเมื่อสถานพยาบาลเข้าข่ายการกระทำความผิด แพทยสภาจะต้องสอบแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสบส.ว่าเป็นแพทย์ผู้ดำเนินการ เพราะเป็นผู้ที่รับผิดชอบการกระทำของสถานพยาบาลด้วย โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ในวันที่ 10 มีนาคม 2559 ก่อนส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมตรวจสอบต่อไป นอกจากนี้ กก.บห.แพทยสภายังมีมติสอบจริยธรรมแพทย์หญิงที่ออกรายการทีวี ตื่นมาคุยแล้วพูดโฆษณาโอ้อวดเกินจริง โดยใช้คำพูดว่าสวยทุกคนหรือสวยทุกเคสด้วย
ส่วนการตรวจสอบการโฆษณาเกินจริงของดร.เซปิงนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับแพทยสภา เพราะดร.เซปิงไม่ใช่แพทย์ เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ต้องตรวจสอบ สำหรับการผ่าตัดทำใบหน้าของนายสุรชัย ไม่ใช่การทำเฟซออฟ คือการเปลี่ยนหน้า ไม่ใช่การดึงหน้า แต่เป็นการทำศัลยกรรมแบบเฟซลิฟต์(Face lift) ด้วยการดึงทั้งใบหน้าให้ตึงขึ้นเท่านั้น มีการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ ไม่ให้เกิดริ้วรอยหรือร่องลึกของผิวหนัง และ ฉีดฟิลเลอร์ให้ผิวหน้าเต่งตึง เต็ม ซึ่งก็จะทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ไม่ใช่วิธีการใหม่อะไรเลย ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์จะต้องฉีดใหม่ใน 6 เดือน เพราะฉะนั้น อยากให้รอดูใบหน้าของคุณสุรชัยหลังจากนี้ 6 เดือนด้วย ซึ่งกรณีนี้ถือว่าหมอไทยเก่งและควรส่งเสริม แต่ต้องเป็นการส่งเสริมให้ถูกต้อง และไม่โฆษณาชวนเชื่อจนเกินไป
CR: thaich2tv