นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ชี้แจงค่าเงินบาท อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐว่า เนื่องจากเป็นช่วงสิ้นเดือนที่จะมีการซื้อดอลลาร์สหรัฐของบริษัทนำเข้า ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้ในช่วงสั้นเงินบาทอาจอ่อนค่ากว่าสกุลอื่นในบางช่วง ซึ่งยังถือเป็นการเคลื่อนไหวปกติ ขณะที่ เย็นวานนี้ เงินบาท ปิดตลาดที่ 32.80-32.86 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นักบริหารเงินประเมินว่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อไปในสัปดาห์หน้า ด้านฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ วิเคราะห์ ความเคลื่อนไหวของค่าเงินตลอดสัปดาห์ว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลักอื่น ๆ อาทิ ค่าเงินยูโร, ปอนด์ และเยน โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน การประกาศตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ กลงทุน ติดตามการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ในวันที่ 5 มิ.ย. ที่อาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยในการประชุมที่โปรตุเกสว่าธนาคารกลาง ยังคงรับรู้ถึงความเสี่ยงจากภาวะอัตราเงินเฟ้อต่ำของยูโรโซน แต่นายดรากีไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อรับมือกับระดับเงินเฟ้อที่ต่ำมากเป็นเวลานาน
ขณะที่ ราคาทองคำโลก ปิดตลาดต่ำสุดในรอบ 4 เดือนและถือเป็นเดือนที่ราคาขยับลงรุนแรงที่สุด หลังนักลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยง ไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 11.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,246.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดผสมผสาน ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลรอบใหม่ จากข่าวยื่นซื้อกิจการในภาคอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ ยกเว้นเพียงแนสแดค ที่ขยับลงเล็กน้อย ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 18.18 จุด ปิดที่ 16,716.92 จุด ปิดเหนือกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ราว 2 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 3.50 จุด ปิดที่ 1,923.53 จุด ปิดสูงสุดตลอดกาล 2 วันติด แนสแดค ลดลง 5.33 จุด ปิดที่ 4,242.62 จุด ขณะที่ ราคาน้ำมันลดลง จากการขายทำกำไรหลังขยับขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน