*ศาลชั้นต้น จำคุก มือปืนป๊อบคอร์น 37ปี 4 เดือน ทนายจำเลยเตรียมยื่นอุทธรณ์ *

03 มีนาคม 2559, 15:28น.


ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นาย วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ ท็อป มือปืนป๊อปคอร์นฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน



คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2557 ว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 นายวิวัฒน์ กับพวก เข้าไปที่แยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในบริเวณศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ส่งผลให้ นางสาวสมบุญ สักทอง ผู้เสียหายที่ 1 นายอะแกว แซ่ลิ้ว ผู้เสียหายที่ 2 นายนครินทร์ อุตสาหะ ผู้เสียหายที่ 3 และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 4 ได้รับอันตรายสาหัส เเละเป็นเหตุให้นายอะเเกว ผู้เสียหายที่ 2 เสียชีวิตในเวลาต่อมา



ศาลพิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ข้อยุติว่า พระพุทธะอิสระได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมไปที่สำนักงานเขตหลักสี่เพื่อไม่ให้นำบัตรเลือกตั้งไปยังพื้นที่ต่างๆ และในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 วันเกิดเหตุ มีกลุ่มคนรวมตัวกันที่วัดหลักสี่เพื่อเดินทางนำบัตรเลือกตั้งโดยมีรถบรรทุกเครื่องเสียงนำขบวนแต่มีตำรวจกั้นไม่ให้เดินทางไปเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับกลุ่มพระพุทธะอิสระที่บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 กลุ่มดังกล่าวจึงถอยไปและมีบางส่วนอยู่บริเวณหน้าศูนย์การค้าไอทีสแควร์ ต่อมามีกลุ่มกปปส.ลาดพร้าว ได้เดินทางมาสนับสนุน กลุ่มพระพุทธะอิสระ โดยมีกลุ่มบุคคลปิดบังใบหน้า และมีกลุ่มบุคคลใช้ปืนที่อยู่ในกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลือง



ซึ่งโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพยานเบิกความ ว่าได้ทำการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและภาพที่ปรากฎจากสื่อทางอินเทอร์เนตพร้อมนำมาเปรียบเทียบกับตัวจำเลย พบว่ามีรูปร่างเหมือนกัน โดยพบว่าจำเลยเคยถูกดำเนินคดีเสพยาเสพติดจึงนำภาพถ่ายที่ชายชุดดำปิดบังใบหน้ามาเปรียบเทียบภาพจำเลยที่ไม่ได้ปิดบังใบหน้าแล้ว พบว่า มีการแต่งกายตรงกัน อาทิ เสื้อ เสื้อเกราะ กางเกง รองเท้า และ เข็มขัด อีกทั้งลักษณะตำแหน่งวิทยุสื่อสารและวัตถุในกระเป๋ากางเกงมีรอยนูน เป็นลักษณะเหมือนกัน อีกทั้งมีการ นำภาพให้พี่ชายของจำเลยดูก็เบิกความยืนยันว่าเป็นภาพถ่ายของจำเลยจริง จึงสนับสนุนคำเบิกความของพยานให้มีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ประกอบกับในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุต่อหน้านักข่าวจำนวนมากส่วนที่จำเลยอ้างว่าถูกข่มขู่นั้น ก็ไม่มีการร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาแต่มานำสืบในชั้นพิจารณาคดี จึงฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยเป็นบุคคลเดียวกับชายชุดดำที่ก่อเหตุ และเมื่อพิจารณาภาพเหตุการณ์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและในชั้นสอบสวน ได้ความว่า วันเกิดเหตุจำเลยและพรรคพวกได้ใช้ปืนยิงโต้ตอบกับกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งที่หน้าศุนย์การค้าไอทีสแควร์ ซึ่งถุงที่ใช้ใส่ปืนยังเห็นปลายกระบอกปืนโผล่ออกมาซึ่งมีพยานเบิกความว่าปลายกระบอกดังกล่าวใช้ปลอกลดแสงที่ใช้ยิงในสงครามเวลากลางคืน จึงบ่งชี้ว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาฆ่าฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีประชาชนและผู้เสียหายอยู่บริเวณดังกล่าวด้วย และต่อมานายอะแกว ผู้เสียหายที่สองเสียชีวิต



จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ให้จำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ จำคุก 3 ปี และความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ จำคุก 3 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีลดโทษ1ใน3 ในฐานร่วมฆ่าผู้อื่น เหลือ 33 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับ คดีครอบครองและพกพาอาวุธปืนแล้ว เหลือจำคุก 37 ปี 4 เดือน



หลังฟังคำพิพากษา นางสาวพวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ ระบุว่า เตรียมหารือกับทีมทนายความและจำเลย อุทธรณ์ สู้คดี และมีรายงานว่าในวันนี้กลุ่มเพื่อนของจำเลยได้เดินทางเข้าร่วมฟังคำพิพากษากว่า 10 คน ส่วนฝ่ายผู้เสียหายไม่ได้เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี



 

ข่าวทั้งหมด

X