การจัดสรรที่ดินทำกินให้ประชาชน เพื่อส่งเสริมอาชีพอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับพื้นที่ นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เปิดเผยภายหลังการประชุม คทช. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. เป็นประธานว่า ที่ประชุมรับทราบพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ประชาชนในปีงบประมาณ พ.ศ.2559 จำนวน 80 พื้นที่ 47 จังหวัด รวม 325,205 ไร่ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ พื้นที่ป่าสงวน พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่พื้นที่สาธารณะประโยชน์และพื้นที่ปฏิรูปที่ดินทำกินหรือ สปก. โดยภายในนี้มีพื้นที่เป้าหมายที่ต้องจัดหาเพิ่มเติมอีก 12 พื้นที่ครอบคลุม 16 จังหวัด และจะต้องดำเนินการจัดสรรคนไปพร้อมกับการส่งเสริมพัฒนาอาชีพ ทั้งนี้ในส่วนของหลักเกณฑ์ ประเภท คุณสมบัติ ของผู้ที่จะได้รับการจัดสรรที่ดินจะนำเสนอให้ครม. รับทราบต่อไป
นายกรัฐมนตรี ได้ย้ำเรื่องการส่งเสริมพัฒนาอาชีพอย่างเป็นระบบ ว่าจะต้องดูแลต่อเนื่อง และให้สอดคล้องกับสภาพพื้นนี้ เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีสภาพแตกต่างกัน โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รับผิดชอบ โดยพื้นที่เป้าหมายการจัดพื้นที่ทำกินให้ชุมชนนั้น ครอบคลุมทุกภาคแบ่งเป็น ภาคเหนือ 17 พื้นที่ใน 8 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 25 พื้นที่ 15 จังหวัด ภาคกลาง 13 พื้นที่ 9 จังหวัด ภาคตะวันตก 7 พื้นที่ 4 จังหวัด ภาคตะวันออก 4 พื้นที 3 จังหวัดและภาคใต้ 14 พื้นที่ 8 จังหวัด โดยเน้นรูปแบบประชารัฐ ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง โดยเอกชนและประชาชนร่วมมือกัน โดยรัฐจะจัดสรรพื้นที่สาธารณูปโภคและปัจจัยพื้นฐานให้
ด้านนายพงศ์บุณย์ ปองทอง รองเลขาธิการ สผ. กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบในเรื่องกฎหมายที่ดิน ซึ่งเดิม คทช. อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานนายกรัฐมนตรีและเห็นว่าสมควรมีร่าง พ.ร.บ. มารองรับ ซึ่งคณะอนุกรรมการบูรณาการกฎหมายการบริหารจัดการที่ดิน ได้รายงานความคืบหน้า ว่ามีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและเตรียมร่าง พ.ร.บ. ต่อไป โดยสาระสำคัญในการร่าง พ.ร.บ. เกี่ยวกับสัดส่วนและขอบเขตงานของคณะกรรมการ รวมทั้งนโยบายที่ดินในภาพรวมของประเทศและการขับเคลื่อน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการเพิ่มเติมหลักการและเหตุผล และขอให้รับฟังความคิดเห็นอย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกภาคส่วน ส่วนการส่งเสริมพัฒนาอาชีพนอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแล้ว นายกรัฐมนตรีย้ำให้ดูเรื่องการตลาดและกลไกการเงินที่จะสามารถจะสนับสนุนชุมชนให้มีอาชีพและรายได้ที่มั่นคงและตรวจสอบภาคการผลิต รวมทั้งสั่งการให้พิจารณาตัวชี้วัด นอกจากด้านเศรษฐกิจ จะต้องดูความสุขของประชาชนควบคู่ไปด้วย อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่กำหนดเป้าหมายและนำมาจัดสรรให้ประชาชนนั้น จะต้องเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และไม่ใช่พื้นที่ป่าต้นน้ำเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตาม ครม. กำหนดโดยที่จะไม่บุกรุกเพิ่มเติม