*ก.เกษตรฯ ปรับแผนระบายน้ำเขื่อนสำคัญ - ทำฝนหลวงเติมน้ำรับภัยแล้ง*

ความคืบหน้าการเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริการระดับสูงของกระทรวงว่าสถานการณ์ในขณะนี้มี 10 เขื่อน ที่น้ำเหลือน้อย เช่นเขื่อนอุบลรัตน์  เขื่อนแม่งัด เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนลำปาว เขื่อนกระเสียว และเขื่อนลำพระเพลิง ที่ขณะนี้ต้องเฝ้าติดตามควบคุมบริหารจัดการน้ำพร้อมเฝ้าติดตามการปรับแผนการระบายน้ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการปรับแผนการระบายน้ำ เช่นภาคเหนือตอนบน ที่มีการปรับแผนการส่งน้ำเป็นรอบเวร โดยเขื่อนแม่งัด จะส่งสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จำนวน 1.2 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อสัปดาห์  ส่วนเขื่อนอื่นๆ ก็มีการประสานงานร่วมกับองค์กรบริหารส่วนจังหวัด ประสานการประปาส่วนภูมิภาคต่อท่อให้ยาวไปอีก เพื่อประสิทธิภาพในการดึงน้ำมาใช้ในการอุปโภคบริโภค  อย่างไรก็ตามจ ากการประเมินยืนยันว่า ปริมาณน้ำมีเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค และภาคอุตสาหกรรมอย่างแน่นอน ส่วนการแก้ปัญหาภัยแล้งขณะนี้จากการตรวจสอบจังหวัดที่ประกาศภัยแล้งมี 12 จังหวัด 47 อำเภอ เช่น จ.นครราชสีมา นครพนม บุรีรัมย์ กาญจนบุรี  ซึ่งจะต้องดำเนินการหาน้ำช่วยเหลือโดยเพิ่มเติมน้ำระบบบาดาลเพื่อเพื่อน้ำในการอุปโภคบริโภคของประชาขน

ส่วนการทำฝนหลวงได้เริ่มดำเนินการเติมน้ำในเขื่อนและแก้ปัญหาหมอกควัน ตั้งแต่วันที่  1 มีนาคมใน 8 จังหวัดส่วนปัญหาที่นักบินฝนหลวงลาออกจะกระทบกับการทำฝนหลวงหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัย ยืนยันว่า ขณะนี้ยังคงปฏิบัติงานได้ ไม่มีผลกระทบ แม้ในช่วงปี 2558 มีนักบินลาออก16 คน และปีนี้มีนักบินลาออกเพิ่มเติม 4 คน แต่ได้มีการรับสมัครคัดเลือกเพิ่มเติมอีก 8 คน ทำให้ขณะนี้กรมฝนหลวงมีนักบินปฏิบัติการ 54 คน โดยมีอากาศยาน 41 ลำ จากอัตรานักบิน70 คน อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงยังคงต้องการนักบินเพิ่มเติม โดยอาจมีการร่วมมือกับกรมการบินพลเรือนจัดฝึกนักบินเพื่อเข้ามาปฏิบัติการเป็นนักบินฝนหลวง

การแก้ปัญหาหมอกควัน ได้มีมาตรการงดเผาป่า รณรงค์ไถกลบ ปลูกไม้โตเร็ว และสร้างธนาคารปุ๋ยหมัก ซึ่งเมื่อเปรียบเทียยปีที่แล้วสามารถลดปัญหาหมอกควันได้ถึงร้อยละ 81  ขณะที่การแก้ปัญหายางพารา ขณะนี้มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 7 แสนกว่าราย ส่วนการรับซื้อยางพารา น้ำยางพาราสดมีการรับซื้อ 720,000 กิโลกรัม ยางก้อนถ้วย 1.5 ล้านกิโลกรัม  ยางดิบคุณภาพคุณภาพ 3 อยู่ที่ 5 แสนกิโลกรัม

อย่างไรก็ตาม กรมวิชาการเกษตรได้เตรียมความพร้อมระมัดระวังโรคใบด่างของมันสัมปะหลัง ที่ขณะนี้เกิดระบาดประเทศเพื่อนบ้านอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้ผลผลิตลดลงถึงร้อยละ  80  แต่ขณะนี้ โรคดังกล่าวยังไม่ได้เข้ามาในประเทศไทยจึงต้องตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงที่อาจพบความเสี่ยงพื้นที่ติดขายแดน 6 จังหวัด เช่น จ.สระแก้ว ปราจีนบุรีไปจนถึงอุบลราชธานี ซึ่งหากพบว่ามีการนำเข้าหรือมีการปะปนกับพืชชนิดอื่นจะต้องทำการเผาทำลายทันที

ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี