ความคืบหน้าการดำเนินคดีการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ในโครงการรับจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก รวม 21 คน ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดฐานว่าด้วย พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ ฮั้วประมูล พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10 และ 12 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี และเมื่อวันที่ 25 กพ.หลังจากที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้องเพิ่มเติมบริษัทเอกชน 7 ราย ฐานให้การสนับสนุนในการกระทำผิดของเจ้าพนักงาน อัยการได้ยื่นคำร้องขอรวมสำนวนในคดีนี้ การพิจารณาคดีในวันนี้ ศาลฎีกาฯได้พิจารณาอนุญาตให้มีการรวมสำนวนทั้งสองคดี ในการพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน และให้รวมพยานหลักฐานพยานบุคคลในคดีเข้าด้วยกัน ซึ่งส่งผลให้จำเลยในคดีนี้มีจากเดิมที่มี 21คน เพิ่มเป็น28คน
ส่วนการสอบปากคำให้การของเอกชนทั้ง 7รายวันนี้ จำเลยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรเพิ่มเติม โดยศาลกำหนดเวลาให้ยื่นคำให้การภายใน 14วันนับจากวันนี้ และให้คู่ความทั้งสองฝ่ายส่งคำโต้แย้งภายใน 21วัน ศาลฎีกาฯ นัดตรวจสอบพยานหลักฐาน จำเลยทั้ง7ราย อีกครั้งในวันที่ 20เมษายน2559 นี้ จากเดิมที่วันดังกล่าวเป็นวันนัดไต่สวนพยาน สำหรับการฟ้องจำเลยอีก7คนทำให้มีจำเลยในคดีเพิ่มขึ้น จึงมีผลให้การไต่สวนพยานต้องยืดเวลาออกไป จากเดิมนัดสุดท้ายวันที่ 21ธ.ค.2559 เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 15 ก.พ.2560
นายบุญทรง เปิดเผยภายหลังการพิจารณคดีว่า การรวมสำนวนคดีในครั้งนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาต่อการสู้คดี ส่วนกรณีที่อัยการขอแก้ไขคำฟ้องในสำนวน ไม่รู้สึกหนักใจเพราะเป็นการแก้ไขคำผิดคำถูกเท่านั้น รวมถึงกรณีที่จำเลยคนอื่นมีการขอสืบพยานนอกราชอาณาจักร ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ข้อเท็จจริงและจะช่วยให้สืบพยานในการขายข้าวได้ด้วย อย่างไรก็ตาม จำเลย ที่ศาลฎีกาได้พิจารณาให้เพิ่มเติม ประกอบด้วย ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร ,นายทวี อาจสามารถ , บริษัท กิจทวี ยโสธรไรซ์ จำกัด , บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด , นายปกรณ์ ดีศิริกุล , บริษัท เจียเม้ง จำกัด และนางประพิศ มานะธัญญา
ผู้สื่อข่าว:วิรวินท์ ศรีโหมด