+++สถานการณ์ภัยแล้ง วันนี้ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประชุมคณะกรรมการบูรณาการแก้ไขวิกฤติภัยแล้ง ขอทราบผลการดำเนินการของทุกกระทรวงในการวางมาตรการรับมือและแก้ไขสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึง ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่มีเพียงพอในการใช้ตลอดช่วงแล้ง แต่ไม่เพียงพอต่อภาคการเกษตร ส่วนในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. เป็นช่วงที่แล้งจัด หลายฝ่ายเกรงว่าน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนลงแม่น้ำเจ้าพระยาจะหายกลางทาง ทำให้ต้องเฝ้าระวังมากขึ้น หากพบว่าดักสูบน้ำไปใช้นอกแผนก็จะสั่งปิดประตูจุดเชื่อมต่อแม่น้ำต่าง ๆ ไม่ให้น้ำเข้าไป
+++นายทองเปลว กองจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักอุทกวิทยา ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า มีพื้นที่วิกฤติแล้ว 76 อำเภอ ใน 28 จังหวัด ทั้งนี้สถาน การณ์โดยรวมยังคุมอยู่ และจะใช้มาตรการส่งน้ำแบบเปิดปิดเป็นครั้งคราว
+++ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) กล่าวว่า อาจจะห้ามให้นักท่องเที่ยวเข้าไปกางเต็นท์นอนในเขตอุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเด็ดขาดในช่วงหน้าแล้ง เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกมาหากิน อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 29 กพ. ได้รับรายงานว่ามีช้างงาเดียวบุกเข้าไปที่ห้องอาหารวนาลีตั้งอยู่ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพื่อมาหาอาหารจึงมีความรู้สึกเป็นห่วงนักท่องเที่ยวจึงมีแนวคิดดังกล่าว
+++วันนี้ตามต่อกรณีถนนทรุดตัว ในพื้นที่เทศบาลสนั่นรักษ์ จ.ปทุมธานี ถนนเลียบคลองสิบสาม มุ่งหน้าลำลูกกาฝั่งตะวันออก เกิดปัญหาทรุดตัวช่วง กม.ที่ 0+700-0+800 หมู่ 5 ต.บึงน้ำรักษ์ อ.ธัญบุรี ถนนทรุดตัวไป 1 ช่องจราจร ความลึก 4 เมตร ยาวประมาณ 120 เมตร และรอยร้าวเริ่มลามไปอีกเลน นายสมเจตน์ กวีวัฒนา หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ ยอมรับว่า จุดที่ทรุดเป็นถนนที่เคยทรุดมาเมื่อคราวที่แล้ว แต่จุดที่ทรุดคราวนี้ห่างจากจุดเดิมไป 200 ม.ทรุดไปครึ่งเลน ซึ่งของเก่ายังซ่อมไม่เสร็จ มาทรุดเพิ่มอีก แนะนำเส้นทางเลี่ยงให้ไปใช้ ถ.เลียบคลอง13 ฝั่งไปทางตะวันตกแทน ส่วนน้ำในคลองยังมีอยู่แต่น้อย ไม่ถึงกับแห้งขอด สัญญาณบอกเหตุว่าถนนทรุดตัวคือจะมีรอยร้าวก่อน ถนนเส้นนี้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่านไปมาตลอด ทางหลวงชนบท ปิดกั้นถนนแล้ว ห้ามรถทุกชนิดผ่าน
+++คดีจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ที่อัยการสูงสุด(อสส.) ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับอดีตนักการเมือง ข้าราชการ บริษัทและกรรมการบริษัท รวม 21 ราย คดีฐานร่วมทุจริตระบายข้าวจีทูจี และคดียื่นฟ้อง หจก.โรงสีกิจทวียโสธร, บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด, บริษัท เจียเม้ง จำกัด และกรรมการบริษัทรวม 7 ราย ฐานสนับสนุนการทุจริต นายชุติชัย สาขากร รองอัยการสูงสุด รับผิดชอบคณะทำงานอัยการสำนวนคดีรับจำนำข้าว และระบายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กล่าวว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพร้อมคดีและติดตามว่าศาลจะให้รวมสำนวนเป็นคดีเดียวกันหรือไม่ ทั้งนี้ เอกชน 7 รายที่อสส.ยื่นฟ้องคดีอาญาเพิ่มเติม ฐานร่วมสนับสนุนนายบุญทรงกับพวกกระทำการทุจริต พบว่า จำเลยยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวหลายรายแล้ว และวันนี้ จำเลยต้องไปศาลในนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ขณะที่นายบุญทรงกับจำเลยร่วม รวม 21 ราย ต้องเดินทางไปศาลมาตามนัดเช่นกัน
+++ส่วนการยื่นคำร้องคดีทางแพ่งเพิ่มเติมกับเอกชน 15 ราย ในสำนวนคดีของนายบุญทรง เพื่อให้เอกชนชดใช้ความรับผิดทางแพ่งตามมติกระทรวงพาณิชย์ ผู้เสียหาย อัยการยังไม่ได้ยื่นคำร้องทางแพ่งในวันนี้ โดยกระบวนการอยู่ระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งคดีในส่วนแพ่งนี้ยังไม่สิ้นสุดอายุความแน่นอน
+++ส่วนที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาท กรณีเมื่อวันที่ 29 ม.ค.และ15 ก.ย. 2553 จำเลยขึ้นเวทีปราศัยต่อหน้ากลุ่มนปช. และถ่ายทอดทางช่องพีเพิล ชาแนล ทำนองว่าโจทก์ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรีสั่งฆ่าประชาชน คดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุกนายจตุพร 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท โทษจำคุกรอ 2 ปี
+++เรื่องการตรวจสอบรถเบนซ์ ทะเบียน ขม99 กรุงเทพมหานคร ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งพบว่าผิดขั้นตอนการนำเข้าและจดทะเบียน มีการใช้เอกสารปลอมและเข้าข่ายหลบเลี่ยงภาษี ช่วงบ่ายวันนี้ นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำภาษีเจริญ หารือกับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อสอบถามในประเด็นที่ยังสงสัย และให้ความร่วมมือจัดส่งเอกสารหลักฐานมาชี้แจง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะและสมเด็จช่วง
+++ขณะที่เช้าวันนี้ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางไปที่วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ตรวจสอบรถยนต์โบราณจากัวร์ แพนเธอร์ เปิดประทุน รุ่นปี ค.ศ. 1975 สีดำ ทะเบียน กก 1177 กทม. ซึ่งอยู่ในการครอบครองของพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม
+++สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทบทวนการทำหน้าที่ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เพื่อเป็นแบบอย่างในการสร้างบรรทัดฐานด้านจริยธรรมให้กับวงการสื่อมวลชนไทย ขณะที่ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับผังรายการและเนื้อหารายการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมเชิญตัวแทนจากช่อง 3 มาชี้แจงและหารือร่วมกัน ในวันที่ 7 มี.ค.
+++ช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
+++ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบร่างพ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อบังคับให้องค์กรนายจ้างทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน หักเงินลูกจ้าง พนักงาน ราชการที่เป็นลูกหนี้ กยศ. นำส่งคืนกองทุน กยศ.พร้อมกับเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายของกรมสรรพากร เพื่อให้กรมสรรพากรนำส่งกองทุน กยศ. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้ส่งร่างกฎหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาและเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ( สนช.)ในขั้นต่อไปหลังจากยอดการชำระหนี้ในปี 2558 มียอดชำระหนี้คืน 17,000 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายปี 2559 มียอดชำระ 19,000 ล้านบาท กยศ. จึงได้ส่งหนังสือถึงองค์กรนายจ้าง ทั้งส่วนงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อทะยอยลงนามร่วมกับ กยศ. เพื่อหักเงินเดือนจากข้าราชการจำนวน 6 หมื่นราย ที่กู้ยืมจาก กยศ.
+++เรื่องการปราบมาเฟีย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รายงานให้ ครม.รับทราบว่าในช่วง 2 เดือนแรก เจ้าหน้าที่รวมรายชื่อผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศได้ครบ และหลังจากวันที่ 4 มีนาคมนี้ ที่จะครบ 4 เดือน จะเริ่มจับกุมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทุกพื้นที่
ข่าวทั้งหมด