พระคาร์ดินัล จอร์จ เพลล์ ชาวออสเตรเลีย เข้ารับการไต่สวนเป็นครั้งที่ 2 ในวันอังคาร จากคณะกรรมาธิการแห่งชาติของออสเตรเลีย ว่าด้วยการตอบสนองเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก โดยวิธีการซักฟอกยังคงใช้วิธีเดียวกับการไต่สวนครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คือการสนทนาถามตอบผ่านระบบวีดีโอคอล จากห้องพักของพระคาร์ดินัลเพลล์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในกรุงโรม เนื่องจากพระคาร์ดินัลเพลล์ให้เหตุผลเรื่องสุขภาพ ให้ไม่สามารถเดินทางมาให้การด้วยตัวเองที่ออสเตรเลียได้
การไต่สวนพระคาร์ดินัลเพลล์ถือเป็นคดีอื้อฉาวครั้งล่าสุดที่สั่นสะเทือนศาสนจักรและสำนักวาติกัน และได้รับความสนใจเป็นวงกว้างจากสื่อกระแสหลัก เนื่องจากพระคาร์ดินัลเพลล์ถือเป็นพระคาร์ดินัลอาวุโสสูงสุดของออสเตรเลีย เคยดำรงตำแหน่งอาร์คบิชอปแห่งนครซิดนีย์และเมลเบิร์น ส่วนปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขานุการด้านการเงินของสำนักวาติกัน ขณะที่คณะสืบสวนต้องการสอบถามพระคาร์ดินัลเพลล์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กมากกว่า 130 คน โดยบาทหลวงเจอราลด์ ริสเดล ซึ่งเป็นบาทหลวงในสังกัดโรงเรียนสอนศาสนาเดียวกับพระคาร์ดินัลเพลล์ สมัยยังอยู่ที่เมืองบัลลาแรต ระหว่างปี 2503-2523 หรือไม่ ซึ่งพระคาร์ดินัลเพลล์ปฏิเสธมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว และยอมรับความผิดพลาดของศาสนจักรในการตอบสนองที่ล่าช้า อย่างไรก็ตาม การที่พระคาร์ดินัลเพลล์อ้างว่าไม่สามารถจดจำเหตุการณ์บางเรื่องได้ สร้างความไม่พอใจให้กับเหยื่อหลายคนที่มาร่วมรับฟังการไต่สวน และเชื่อว่ามีการเจตนาปกปิดเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ
การไต่สวนพระคาร์ดินัลเพลล์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่คณะกรรมการรางวัลออสการ์มอบรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ให้แก่ "สปอตไลท์" ภาพยนต์ที่สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่มนักข่าวชื่อเดียวกันของหนังสือพิมพ์เดอะ บอสตัน โกลบ ซึ่งเปิดโปงการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กของพระอาวุโสในโบสถ์แห่งหนึ่งของสหรัฐเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว โดยหนังสือพิมพ์ ออสเซอวาทอเร โรมาโน ของสำนักวาติกัน รายงานถึงเรื่องนี้ว่า ภาพยนตร์เรื่องสปอตไลท์ถ่ายทอดความเจ็บปวดของผู้ตกเป็นเหยื่อ และกระตุ้นให้ทุกฝ่ายเพิ่มความสนใจในเรื่องดังกล่าว ว่าผู้กระทำผิดสมควรได้รับการประณาม