การลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชนทางหลวง ตามปฏิบัติการ ประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัยยาเสพติด นายณรงค์ รัตนานุกูล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วย นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.อ.สันติ แสนรักษ์ รอง ผอ.รมน.จ.นครปฐม นางนฤมล ช่วงรังษี รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นายสิทธิศักดิ์ วัจนะรัตน์ ผอ.ปปส.ภาค 7 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจครอบครัวและติดตามผู้ผ่านการบำบัดรักษายาเสพติด ที่ชุมชนทางหลวง อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดของชุมชนทางหลวง หรือ ทางหลวงโมเดล เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของชุมชนที่สามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดผ่านกลไกประชารัฐ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้านและชุมชน เพราะปัญหายาเสพติดเกิดขึ้น โดยคนในพื้นที่ การลุกขึ้นมารวมพลังกัน เพื่อแก้ไขปัญหาโดยพลังของภาคประชาชน ซึ่งมีภาครัฐให้การสนับสนุน จะเป็นความยั่งยืนที่แท้จริงในการที่จะเอาชนะปัญหายาเสพติด ชุมชนทางหลวง จึงนับเป็นชุมชนนำร่อง เป็นต้นแบบในการ ดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ของสำนักงาน ปปส. ภาค 7 ตามแผน ประชารัฐร่วมใจ ปลอดภัยยาเสพติด
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดจังหวัดนครปฐมในภาพรวมขณะนี้ ยังมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดในกลุ่มหลักทั้ง ยาบ้า กัญชา ไอซ์ และพืชกระท่อม กระจายตัวอยู่ทุกอำเภอ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม และอำเภอสามพราน เป็นพื้นที่ที่มีแนวโน้มในการแพร่ระบาดของยาเสพติดรุนแรง สาเหตุประการหนึ่งมาจากการมีสถานบันเทิง สถานบริการ และสถานประกอบการหลายแห่ง นอกจากนี้ยังพบว่าจังหวัดนครปฐมยังเป็นพื้นที่สำหรับการพักยาเสพติดก่อนจะลำเลียงลงสู่พื้นที่ภาคใต้ หรือก่อนจะกระจายไปสู่พื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ชุมชนทางหลวง เป็นชุมชนในเขตเทศบาลนครปฐม เดิมเคยเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดรุนแรง หรือเรียกว่าเป็นพื้นที่สีแดง เป็นทั้งแหล่งพักยาเสพติด และแหล่งจำหน่ายยาเสพติดรายย่อยมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเจ้าหน้าที่และหน่วยงานภาครัฐจะระดมกำลังเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสภาพชุมชนซึ่งเป็นพื้นที่แออัด ทางเดินเป็นตรอกซอกซอยแคบมีทางเข้า-ออกหลายทาง รถยนต์ไม่สามารถเข้าได้ จึงยากต่อการเข้าปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทำให้นักค้าสามารถหลบหลีกการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้ ประกอบกับการขาดความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ในการช่วยกันเฝ้าระวังปัญหา อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจและสังคมของคนในชุมชนส่วนใหญ่มีฐานะค่อนข้างยากจน หลายครอบครัวมีปัญหาด้านการเงิน มีหนี้สินทั้งในและนอกระบบ จนทำให้มีปัญหา ปัญหาครอบครัว และนำไปสู่การกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
สำนักงาน ป.ป.ส. โดยสำนักงาน ปปส. ภาค 7 และศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครปฐม จึงได้ร่วมกันจัดทำแผนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชนทางหลวง โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ เข้าดำเนินการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ด้วยการเชิญชวนผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้ารายย่อยและผู้เสพยาเสพติดมาปรับทัศนคติและให้หยุดพฤติกรรมเกี่ยวกับยาเสพติด สำหรับผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 31 คน ได้นำเข้าค่ายบำบัดรักษา ตาม โครงการปรับเจตคติคืนคนดีสู่สังคม จำนวน 5 วัน และติดตามให้ความช่วยเหลือในด้านอาชีพ การศึกษา ปัญหาสุขภาพ การดำเนินการมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน จัดกิจกรรมเพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วม เช่น การประชุมประชาคม การปรับปรุงสภาพแวดล้อมในชุมชน โดยเทศบาลนครนครปฐมสนับสนุนการติดตั้งไฟส่องสว่าง และติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV เพื่อเป็นการลดพื้นที่เสี่ยง
ทั้งนี้ ผลจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและชุมชนทางหลวง ทำให้ปัญหาผู้ค้าผู้เสพยาเสพติดลดลง จากพื้นที่ที่มีปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดรุนแรง สามารถพัฒนาและยกระดับให้เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีการยอมรับปัญหา และพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จึงทำให้ชุมชนทางหลวงได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดหมู่บ้านและชุมชน เข้มแข็งเอาชนะยาเสพติด ประเภทหมู่บ้านและชุมชนที่มีปัญหาระดับมาก ปี 2558 ระดับภาคของกระทรวงมหาดไทยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด