*คา่ดพ.ค.ภัยแล้งคลี่คลาย/คลังรับมือศก.ฟื้นตัว/สอบหัวคิวราชภักดิ์/หุ้นไทยขึ้น6วันติดต่อกัน

*สรุปข่าว 18.00น*  

+++ปัญหาภัยแล้ง นายชัยวัฒน์ ปรีชาวิทย์ กรรมการสมาคมนักอุทกวิทยา กล่าวว่า สภาวะโลกร้อนหรือปรากฏการณ์เอลนินโญ่กำลังจะคลี่คลาย สถานการณ์ภัยแล้งน่าจะดีขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2559 ขณะเดียวกันรัฐบาลชุดนี้มีแนวทางที่เข้มแข็งในการแก้ปัญหา คาดว่าจะทำให้ปัญหาที่หลายคนเป็นห่วงเบาบางลงได้

+++ ด้านนายบัญชา ขวัญยืน นักวิชาการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาบริหารจัดการน้ำ ว่า จะต้องเน้นการบริหารจัดการน้ำเป็นหลัก เช่น การควบคุมการปลูกข้าวปีละไม่เกิน 2 ครั้งในพื้นที่ลุ่ม หรือการปลูกพืชทางเลือกที่ประหยัดน้ำในฤดูแล้ง การจัดสรรน้ำจะต้องใช้ได้จริงและชัดเจนโดยเฉพาะลุ่มน้ำต่อเนื่อง เช่น ลุ่มเจ้าพระยา ประกอบด้วย 8 ลุ่มน้ำ รวมทั้งจะต้องมีการส่งเสริมให้กลุ่มผู้ใช้น้ำสร้างแหล่งน้ำสำรองของตนเองด้านการเกษตร เช่น การขุดสระ อุตสาหกรรมและอุปโภคบริโภค เป็นต้น

+++การเตรียมรับภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาการฟื้นตัว นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เศรษฐกิจยุโรป และ สหรัฐฯ มีภาวะเปราบางแต่ไม่ถึงขั้นมีปัญหาเศรษฐกิจถดถอย  ส่วนจีนต้องการปรับลดความร้อนแรงเศรษฐกิจจากเดิมขยายตัวร้อยละ 7-8 เพื่อรักษาเสถียรภาพ ขณะที่ญี่ปุ่นยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน รัฐบาลไทยมองเห็นสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว จึงเตรียมพร้อมรับมือผ่านมาตรการต่างๆ ทั้งการอัดฉีดงบประมาณเพื่อลงทุนภาครัฐ การกระตุ้นการบริโภค  เพื่อให้ภาคเอกชนเกิดความมั่นใจใจการลงทุน ยอมรับว่าอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความแข็งแกร่งจากเศรษฐกิจภายในประเทศแทนการพึ่งการส่งออก เพราะไทยยังต้องการพึ่งพาการส่งออกตามแนวชายแดน แต่หวังว่า ช่วงเวลาที่เหลือน่าจะเป็นบวกและดีกว่าปีก่อน สำหรับการอัดฉีดเงินออกสู่ระบบขณะนี้เป็นระดับที่เหมาะสมไม่ได้สูงเกินไป เพราะยอดการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล 390,000 ล้านบาท มีสัดส่วนร้อยละ 3 ของจีดีพี  

+++นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การประมูลข้าวครั้งที่ผ่านมา สามารถระบายข้าวได้ 3.6 แสนตัน มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท โดยระบายเพื่อภาคอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจเส้นก๋วยเตี๋ยว และอาหารสัตว์ ซึ่งมีบางรายในธุรกิจเอทานอล แม้เสนอราคาสูงสุด แต่ราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐาน ที่ตั้งไว้ ก็ไม่ได้อนุมัติขาย และยังมองว่าการส่งออกข้าวในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 9.5 ล้านตัน   แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว และราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ แต่เชื่อว่าปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้ผลผลิตลดลง ทำให้มีความต้องการข้าวมากขึ้น และขณะนี้ผู้ส่งออกข้าวหลักของโลก คือ เวียดนาม และไทย ดังนั้นจึงเชื่อว่าในครึ่งปีหลังน่าจะมีความต้องการข้าวเพิ่มมากขึ้น

+++นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาสายการบินนกแอร์ ว่า ทางสายการบินนกแอร์ได้แจ้งมาให้ทราบแล้วว่า จะขอยืดระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา เนื่องจากต้องการเวลาในการบริหารจัดการเรื่องภายในองค์กรให้เรียบร้อย และปรับปรุงเที่ยวบินให้กลับมาเป็นปกติ โดยจะขอยืดระยะเวลาไปจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.นี้ จากเดิมคือวันที่ 10 มี.ค.59 ปัญหาด้านนักบินนั้น ปัจจุบันมีนักบินอยู่ประมาณ 179 คน ซึ่งทางสายการบินนกแอร์ก็ได้รายงานว่า จะมีนักบินเข้ามาทำงานใหม่อีก 25 คน และยังมีนักบินขับเครื่องบิน BOEING อีก 8 คน จึงมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในส่วนนี้  รมว.คมนาคม ยอมรับว่าขณะนี้นักบินในไทยยังขาดแคลน และส่วนใหญ่ยังเป็นคนกลุ่มเดิมที่ยังทำการบินอยู่ รวมถึงแข่งขันในเรื่องการแย่งบุคลากรนักบินก็ยังมีสูง ซึ่งแต่ละสายการบินต้องมีการปรับตัว โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก็มีหน้าที่ในการพัฒนาบุคลากรนักบินอย่างต่อเนื่องให้มีคุณภาพ เพื่อสร้างบุคลากรเข้าสู่ธุรกิจการบิน

+++การแสดงความคิดเห็นของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็น  พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อบ้านเมือง มีประสบการณ์ในการแก้ปัญหาประเทศ ข้อเสนอต่างๆ ก็ประโยชน์อยู่บ้างและคงไม่จำเป็นต้องเชิญมาปรับทัศนคติ เพราะเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ คสช. ก็พร้อมจะรับฟัง และนำมาปรับใช้ ประชาชนทั่วไป ก็สามารถแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ได้เช่นกัน แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไป ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน กำลังปฏิรูปประเทศ  ส่วนปัญหาเศรษฐกิจของไทย ก็สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว  ซึ่งส่งผลต่อแทบทุกประเทศ ขณะนี้คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ก็กำลังแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่  ขณะที่ เรื่องของร่างรัฐธรรมนูญ  ก็มีสาระสำคัญในการแก้ปัญหาการทุจริต  ที่อาจจะกระทบกับกลุ่มที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์

+++ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี  ให้ความเห็นกรณี  นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างชาติถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ว่า  ไม่แน่ใจว่ามีวัตถุประสงค์คืออะไร แต่คิดว่ามีหลายปัจจัยที่อาจทำให้เลือกจังหวะที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น คือ คดีความที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในครอบครัวกำลังเดินหน้างวดเข้ามามากขึ้น   จึงเป็นแรงกดดันให้นายทักษิณออกมาตอบโต้  และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงความมั่นใจว่าจะกลับมาโดยไม่จำเป็นจะต้องมารับโทษ และ   ร่างรัฐธรรมนูญ และการลงประชามติกำลังจะมาถึง  และค่อนข้างเห็นชัดว่ากลุ่ม นปช. หรือผู้สนับสนุนตนเองได้เลือกที่จะไม่เอาโดยไม่รอแล้วว่าจะมีการแก้หรือไม่   เหมือนเป็นการฟันธงการเคลื่อนไหวทางการเมือง  ส่วนตัวไม่ได้มองว่า คือความล้มเหลวของ คสช.  ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรี  บอกไม่ต้องตอบโต้ พูดถึงเรื่องกฎหมาย แล้วก็ย้ำว่ากฎหมายจะต้องมีการบังคับใช้นั้น เป็นการยืนยันให้เกิดความมั่นใจว่า คสช. ไม่ได้เปลี่ยนแปลงท่าทีจุดยืนตรงนี้

+++พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) กล่าวถึงกรณีผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ได้แจ้งให้นายพิศิษฏ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ตรวจการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ไปตรวจสอบประเด็นหัวคิวในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เพิ่มเติมอีก 2-3 ประเด็น ซึ่ง นายพิศิษฏ์ รับที่จะไปดำเนินการ เพราะ ศอตช.ต้องการปิดประเด็นทุกจุด โดยเฉพาะจุดเริ่มเรื่องที่นำไปสู่การเรียกร้องให้ตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์คือประเด็นการหักหัวคิวเนื่องจากในทางราชการหัวคิวเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หากมีการหักหัวคิวก็คือทุจริตดังนั้นหน่วยตรวจสอบต้องตรวจให้ได้ว่ามีการกระทำผิดหรือไม่และใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง

+++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่านายสิริพงศ์ ริยะการธีรโชติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 22 ร่ำรวยผิดปกติ หลังให้นายสิริพงศ์ได้ชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน ซึ่งเห็นว่าคำชี้แจงฟังไม่ขึ้น และพบข้อเท็จจริงว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากของนายสิริพงศ์ อดีตคู่สมรสและบัญชีของบุตรเป็นจำนวนมาก จึงมีมติว่านายสิริพงศ์ร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินมากขึ้นผิดปกติ  รวมมูลค่า 31 ล้านบาท และคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นร้องต่อศาลเพื่อให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา 80 และริบทรัพย์สิน ซึ่งคดีนี้เป็นคดีต่อเนื่องจาก การไต่สวนกรณีการทุจริตขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม4.3 พันล้านบาท ล่าสุดมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสาธิต รังคสิริ ในฐานะอดีตอธิบดีกรมสรรพากร ไปแล้ว และมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีการร่ำรวยผิดปกติของนายสาธิตเช่นกัน โดยมีน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน

+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แรงดีไม่มีตกบวกต่อกัน 6 วันต่อเนื่องจาก ะปัจจัยสนับสนุนเพียบ ทั้งราคาน้ำมันดิบฟื้น และกระแสเงินทุนต่างชาติไหลทะลักเข้าไทย 8 วันติด ปิดตลาดที่ 1,343.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.65 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,233.84 ล้านบาท

++++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อผลการประชุมกลุ่มผู้นำทางการเงินของประเทศ G20 ที่นครเซี่ยงไฮ้ และราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น เพิ่มขึ้น 48.07 จุด ที่ 16,188.41 จุด

+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส รวมถึงการที่ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้ออกมาส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้น  475.40 จุด ปิดวันนี้ที่ 19,364.15 จุด