*พยานโจทก์คดีจำนำข้าว เบิกความชี้ผลประโยชน์ โรงสี-ชาวนาสมยอมกันทำโครงการล้มเหลว*

การพิจารณาคดี จำนำข้าว ในช่วงบ่าย ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งที่ 3  อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เป็นปากที่ 2 คือ นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย ซึ่งเป็นปากสุดท้ายเนื่องจากทนายความฝ่ายจำเลยติดภารกิจจึงเหลือพยานเพียง 2 คน จาก 3 คน

นายระวี เบิกความว่า ในฐานะที่ตัวเองเป็นคณะอนุกรรมการกำกับดูแลข้าวจังหวัดเพชรบุรี โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดีเพราะช่วยเหลือชาวนา แต่กระบวนการที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ วางกลไกมาทั้งหมด ทั้งการตรวจสอบคุณภาพข้าว การขึ้นทะเบียนชาวนา การจัดตั้งจุดที่ใช้รับจำนำข้าว แม้จะเป็นหลักเกณฑ์ที่ดูดีและรัดกุม แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถทำได้ เพราะมีเรื่องของผลประโยชน์ และการสมยอมกันระหว่างชาวนาและโรงสี ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ  ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพข้าวด้วย ไม่ต่างจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการลงโทษผู้กระทำผิด ก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนชาวนาทั้งหมด 

ส่วนการเคลื่อนไหวของชาวนา เพื่อให้รัฐบาลชำระเงินจากการจำนำข้าวไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้กดดันกลุ่มกปปส. ที่นำมวลชนกดดันสถาบันการเงินเพื่อไม่ให้รัฐบาลนำเงินมาจ่ายชาวนา เพราะเห็นว่าขณะนั้นรัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจเต็ม จึงไม่มีประโยชน์ที่จะกดดันกลุ่มกปปส. ให้ยุติการชุมนุม แต่บังเอิญข้อเสนอตรงกับกลุ่มกปปส.ที่ต้องการขับไล่รัฐบาล แต่จุดประสงค์ต่างกัน

หลังการไต่สวนศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ครั้งต่อไปในวันที่ 4 มีนาคม เวลา 09.30-16.30 น.  และวันที่ 23 มีนาคม ศาลได้นัดสืบพยานโจทก์เฉพาะช่วงเช้าเนื่องจากองค์คณะตุลาการมีราชการพิเศษที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้  ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวภายหลังการสืบพยานฝ่ายโจทก์ ว่า วันนี้ศาลฯสืบพยานได้เพียง 2 ปาก โดยจะนัดไต่ส่วนอีกครั้งในวันที่ 4 และ 23 มีนาคม ทั้งนี้ศาลได้ออกข้อกำหนดห้ามคู่ความ รวมถึงบุคคลภายนอกและสื่อมวลชน ให้ข่าว แสดงความเห็น หรือวิเคราะห์เรื่องเกี่ยวกับคดีที่อาจจะเป็นการชี้นำสังคม ซึ่งหากฝ่าฝืนจะเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางกลับทันทีหลังใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 6 ชั่วโมง โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด