การเดินทางลงพื้นที่เพื่อไปติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและการดำเนินโครงการบริหารจัดสรรที่ดินทำกินของรัฐ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) และคณะ ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลต้องการให้มีที่ดินทำกินอย่างถูกกฎหมาย และจะสร้างความเข้มแข็งต่อไปทุกพื้นที่ขอประชาชนอย่าขัดแย้งกันเอง
ส่วนตัวพอใจในการดำเนินการของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายและกระจายอำนาจมาสู่ภูมิภาคตามกลไกประชารัฐที่มีประชาชนและภาครัฐร่วมมือกัน ซึ่งรัฐบาลต้องการให้เกิดความเท่าเทียม และจะแก้กฎหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเช่าพื้นที่ เพื่อขุดสระเก็บน้ำให้เกษตรกร และอยากให้ทุกจังหวัดมีการจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรแบบนี้ ในทุกจังหวัด ขณะเดียวกัน ยังต้องเพิ่มมูลค่าให้สินค้าสูงขึ้น ด้วยการแปรรูปสร้างนวัตกรรมใหม่ ทำให้เกิดความแตกต่าง และย้ำว่าการเลือกตั้งเป็นการกำหนดอนาคตของประชาชนอย่าให้ใครมาชี้นำ ให้ตัวเองกำหนดอนาคตตัวเอง ต้องทำให้ตัวเองเข็มแข็ง พึ่งพาอาศัยกันและกัน ซึ่งทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย วันนี้มาไม่ต้องการคะแนนเสียง แต่ต้องการให้ประชาชนมีความสุข และนึกถึงอนาคตใน 20 ปีข้างหน้า ตามยุทธศาสตร์ชาติ
ด้าน ปัญหาภัยแล้ง พล.อ.ประยุทธ์ อยากให้ประชาชนช่วยกันประหยัดน้ำ เพราะรัฐบาลมีน้ำจำกัด อีกทั้งประเทศไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ซึ่งมีพื้นที่เกษตรกรรมทั้งในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน ดังนั้นการจะปลูกข้าว หรือ ปลูกพืชใช้น้ำมากเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำการเกษตรได้ไม่เกิน ร้อยละ 40 ของ พื้นที่การเกษตร 47 ล้านไร่ทั่วประเทศ ดังนั้นหากปลูกข้าวเหมือนกันทั้งหมด ก็จะไม่มีน้ำเพียงพอ แต่จะต้องปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งจะมาหวังให้มีการเยียวยาช่วยเหลือคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากไม่มีงบประมาณเพียงพอ และไม่ใช่การดูแลประชาชนเฉพาะกลุ่ม จะส่งผลให้ประเทศเกิดความขัดแย้งขึ้น ขอประชาชนอย่าระแวง และต้องไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลทุกคนทำงานเพื่อประเทศชาติ หากพบว่ากระทำผิด ทุจริตก็สามารถร้องเรียนมาที่ตนได้ นอกจากนี้ ยังกำชับไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแต่ละพื้นที่ต้องทำงานเป็นทีมเดียวกัน และรู้จักนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น แอพพลิเคชั่น จี แชนแนลที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อเข้าถึงข้อมูลภาครัฐด้วย จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนคณะและประชาชนที่มาฟังบรรยาย ร่วมร้องเพลงแผ่นดินของเรา ก่อนจะพบปะพูดคุยกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ ก่อนจะเดินชมนิทรรศการ
โดยการมอบหนังสืออนุญาตให้ประชาชนที่ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกิน เข้าทำประโยชน์ในเขตปฎิรูปที่ดินตำบลระบำ อำเภอลานสัก นี้มีพื่นที่จำนวน 3,486 ไร่ ผู้ได้รับจำนวน 331 ครัวเรือน โดยเป็นการให้บริหารจัดการที่ดินในรูปแบบกลุ่ม หรือสถาบันการเกษตร ครัวเรือนละ 5 ไร่ โดยไม่มีสิทธิ์ชื้อขาย และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ตามนโยบายโครงการประชารัฐ ขุดสระน้ำ 14บ่อ และปล่อยน้ำจากเขื่อนทับเสลาผ่านระบบท่อเข้าพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำทำการเกษตรในหน้าแล้ง ซึ่งโครงการนี้จะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้ ก่อนจะขยายโครงการที่จังหวัดชุมพร กาฬสินธุ์ และนครราชสีมา
สำหรับช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีจะไปรับฟังการบรรยายสรุป การบริหารจัดการน้ำ ณโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลา อำเภอลานสัก ซึ่งอ่างเก็บน้ำทับเสลา ถือเป็นต้นน้ำของห้วยทับเสลา มีพื้นที่รับน้ำฝนเหนือที่ตั้งเขื่อนขึ้นไปประมาณ 534 ตารางกิโลเมตร และสามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่เพาะปลูกในเขตอำเภอลานสัก อำเภอหนองฉาง อำเภอทัพทัน อำเภอหนองขาหย่างและอำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี รวมพื้นที่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดประมาณ 166,957 ไร่