*วิษณุ เผยเลือกตั้งปีนี้ไม่ได้ ต้องทำตามโรดแมป/จีน ยืนยันพื้นฐานศก.ดี หยวนอ่อนค่าระยะสั้น*

+++กรณีที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คืนอำนาจให้ประชาชน และจัดการเลือกตั้งให้ได้ภายในปีนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การจัดการเลือกตั้งในปีนี้คงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องผ่านการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และยังต้องมีการจัดทำกฎหมายลูกอีกหลายฉบับ ซึ่งหากต้องการให้จัดการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นสามารถทำได้ แต่ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ เพราะโรดแมปที่กำหนดไว้นั้นไม่ได้มีเจตนาที่จะอยู่ยาวหรือสั้น แต่ต้องเป็นไปตามความเป็นจริงในปัจจัยด้านเวลา แต่หากไม่ต้องทำประชามติก็อาจเป็นไปได้ที่จะให้มีการเลือกตั้งในปีนี้ แต่ขณะนี้รัฐบาลต้องยึดโรดแมปเป็นหลัก ที่ต้องทำประชามติใน 120 วัน และยังต้องทำกฎหมายลูก

+++ส่วนข้อเสนอของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ให้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับเก่าและร่างของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) มารวมให้ประชาชนพิจารณาในการออกเสียงประชามติ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีความเห็น ถ้าใครเห็นด้วยก็เสนอมา แต่เป็นเรื่องยากในการบริหารจัดการ เพราะเมื่อเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง ประชาชนต้องทำความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญอย่างน้อย 2 ฉบับหรือมากกว่านั้น และอาจเกิดปัญหาขึ้นมาอีกได้

+++อย่างไรก็ตาม การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ตนได้พูดคุยกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)  ลงตัวแล้ว โดยได้คุยกกต.ในเรื่องการทำประชามติ ขณะที่การพูดคุยกับนายมีชัยนั้นเป็นเรื่องข้อเสนอของคณะรัฐมนตรี(ครม.) 16 ข้อ ซึ่งนายมีชัยระบุว่ารับได้ใน 13 ข้อ กรณีของหมวดปฏิรูปนั้นอาจมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขได้

+++นายโจว เสี่ยวชวน ประธานธนาคารกลางจีน ย้ำว่า ไม่มีเหตุผลที่เงินหยวนของจีนจะร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลยังมีช่องทางที่จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นายโจวกล่าวต่อที่ประชุมในนครเซี่ยงไฮ้ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันการเงินสากลว่า เมื่อมองจากมุมมองพื้นฐานแล้ว ไม่มีเหตุผลที่เงินหยวนจะอ่อนค่าอย่างถาวร บางครั้งตลาดได้รับอิทธิพลจากปัจจัยระยะสั้นมากกว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เป็นภาวะตลาดผันผวนระยะสั้น ประกอบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีนยังแข็งแกร่ง จีนยังคงมีช่องทางและเครื่องไม้เครื่องมือด้านนโยบายการคลังที่จะลดความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจีน อาจจะออกมาตรการใหม่อีกตามที่นักวิเคราะห์คาดหมาย หลังจากลดอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 6 ครั้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557 ลดเกณฑ์ทุนสำรองการเงินของธนาคารหลายครั้ง และเพิ่มการใช้จ่ายตามเป้าหมาย

+++ตลาดหุ้นไทย ภาคเช้า ดัชนีพุ่งทะยานต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ฟื้นตัวแตะระดับ 33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลักดันหุ้นกลุ่มพลังงานกลับมาชี้นำตลาด ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติยังไม่ชะลอความร้อนแรงลง ทำให้ตลาดหุ้นไทย เปิดตลาดที่ 1,338.48จุด เพิ่มขึ้น5.06จุด นักลงทุน ติดตามปัจจัยใหม่เรื่องนโยบายการเงินของหลายประเทศสำคัญช่วงเดือนมี.ค.

+++เหตุอาชญากรรม คืบหน้าเหตุนายทศพร พินวงค์ อายุ 55 ปี ช่างซ่อมฝ่ายอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมสถานีรถไฟธนบุรี ถูกแทงนับสิบแผลเสียชีวิตบริเวณเพิงพักเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวบริเวณถนนเทอดดำริห์ พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.โกสิต กาญจนะโกมล ผกก.สน.เตาปูน พ.ต.ต.สุรเดช ฉัตรไทย สว.สส. เจ้าหน้าที่ พฐ. แพทย์นิติเวชจาก รพ.ตำรวจ ไปตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุ ใกล้ศพผู้เสียชีวิต พบกระเป๋าสะพายสีน้ำเงินของผู้เสียชีวิตตกอยู่ 1 ใบ ภายในมีเอกสารสำคัญและกระเป๋าสตางค์อยู่ครบ ยกเว้นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุงรุ่นเอ 8 ที่หายไป

+++สอบสวน นางประนอม พินวงค์ อายุ 53 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตว่า ปกติสามีเป็นคนดื่มเหล้าเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องราวบางหมางหรือทะเลาะวิวาทกับใครมาก่อน ก่อนเกิดเหตุเจอหน้ากันเมื่อวันที่ 24 ก.พ. จากนั้นก็ไม่กลับบ้านจนเมื่อช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 25ก.พ.ก็โทรศัพท์คุยกันเป็นครั้งสุดท้าย โดยสามีบอกว่าจะไปดื่มเหล้า ก็เตือนว่าถ้าเมาก็ไม่ต้องกลับบ้าน ให้นอนที่บ้านพักที่แถวที่ทำงานไป เพราะก่อนหน้านี้สามีเคยโดนจี้ชิงโทรศัพท์มือถือมาแล้ว 2 ครั้ง จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนกระทั่งมาทราบข่าวว่าสามีถูกแทงเสียชีวิต จึงรีบมาดู เบื้องต้นจากการตรวจสอบดูทรัพย์สินยังอยู่ครบยกเว้นโทรศัพท์มือถือซัมซุง เอ 8 ที่หายไป

+++พล.ต.ต.เจริญ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่า สาเหตุอาจจะมาจากเรื่องทะเลาะวิวาทกันระหว่างกลุ่มเดียวกันกับผู้เสียชีวิตที่ดื่มเหล้าด้วยกันเพราะผู้เสียชีวิตก็มีบ้านพักอยู่ในชุมชนตึกแดงใกล้กับที่เกิดเหตุ และเคยมานั่งดื่มเหล้าในย่านบางซื่อบ่อยๆ หรืออาจจะถูกคนร้ายชิงโทรศัพท์มือถือ แต่ขัดขืนต่อสู้จึงถูกแทงจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว ช่วงก่อนเหตุทั้งในย่านที่ผู้เสียชีวิตทำงาน และบ้านพักติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

 +++การตามหาแม่เด็กที่ทิ้งลูกและฝังดินทั้งเป็นที่จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.คะเชนทร์ ยืนยงผกก.สภ.แวงใหญ่,พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3 บก.สส..ภ.4 และ พ.ต.ท.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแกน เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำวจชุดสืบสวน ทั้งหมด 8 ชุด ประกอบด้วย จาก กก.สส.3 บก.สส.ภ.4 ,กก.สส.ภ.จว.ขก.และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจาก 5 สถานีประกอบด้วย สภ.แวงใหญ่, สภ.แวงน้อย, สภ.ชนบท, สภ.พล และสภ.โนนศิลา เพื่อติดตามความคืบหน้าและกำหนดแนวทางการสืบสวนสอบสวนแบบวันต่อวัน เพื่อเร่งรัดติดตามตัวคน้ราย โดยเฉพาะพ่อและแม่ของทารก เขต อ.แวงใหญ่ โดยหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบปากคำและกันตัวไว้เป็นพยานรวมทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบตามเบาะแสที่ประชนแจ้งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

+++พ.ต.อ.สุภากร กล่าวว่า ชุดสืบสวนสอบสวนควบคุมตัวหญิงสาวที่มีอายุ 35-40 ปี  เนื่องจากมีพยานยืนยันว่าหญิงสาวคนดังกล่าวอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุก่อนที่จะมีการพบตัวเด็กและในช่วงของการพบตัวเด็กโดยทีท่าทีที่ต้องสงสัย ซึ่งหญิงสาวคนดังกล่าวได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้ได้นำตัวไปทำการตรวจร่างกายและตรวจดีเอ็นเอ ตามขั้นตอนทางการแพทย์ ซึ่งหากตรวจพบว่าตรงกับรอยเลือดในจุดที่พบร่างเด็ก ก็จะมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยเท่านั้น ซึ่งหลังจากการส่งตัวเพื่อตรวจสอบทางการแพทย์แล้วเสร็จก็จะมีการอนุญาติให้กลับบ้านได้ โดยไม่มีการควบคุมตัว           

+++พ.ต.อ.สุภากร กล่าวว่า พยานปากสำคัญให้การว่าก่อนเกิดเหตุ มีรถจักรยานยนต์ขับขี่เข้าไปจอดที่เรือนพักด้านข้างทุ่งนาไม่นานก็ขับออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็มองประเด็นการฝังทารกไว้ 2 ประเด็นคือ แม่และพ่อ ลงมือก่อเหตุเอง ประเด็นที่ 2 คือเกิดจากการกระทำของมือที่สาม หรือคนใกล้ชิดกับมารดา

+++ขณะที่อาการของเด็กที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลขอนแก่น อาการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ รู้สึกตัวดี ใส่ท่อช่วยหายใจและเครื่องช่วยหายใจ ใส่สายระบายลมจากช่องเยื่อหุ้มปอด ยังมีลมออกจากท่อระบายทรวงอก งดน้ำและอาหาร ทีมแพทย์ที่ทำการรักษาเริ่มลดการใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังให้เลือดไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ แต่ยังเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อ