พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ประชุมคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง ตร.ที่ 36/2559 เพื่อพิจารณาสำนวนคดีที่พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย กับพวกเป็นผู้ต้องหา กรณีนำมวลชนองค์การพิทักษ์สยาม ชุมนุมที่ราชตฤณมัยสมาคม หรือ สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2555 โดยกล่าวหาร่วมกันทำให้ปรากฏด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน,มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้มั่วสุมให้เลิกแล้วไม่เลิก,ร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฝ่าฝืนประกาศและข้อกำหนดห้ามบุคคลเข้าหรือต้องออกจากพื้นที่หรือสถานที่ที่กำหนดตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ.2551และร่วมกันพยายามเป็นกบฏ และซ่องโจรเพื่อเป็นกบฏ
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า คดีนี้เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิต รองผบ.ตร.(ตำแหน่งในขณะนั้น) ก่อนที่จะย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่งให้มารับผิดชอบตรวจดูความเรียบร้อยของสำนวนการสอบสวน ซึ่งคดีนี้ได้มีการสรุปสำนวนไปแล้ว แต่ในวันนี้พล.ต. อ.ศรีวราห์ และคณะพนักงานสอบสวนนำสำนวนและพยานหลักฐานมาตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้สำนวนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนเสนอให้ผบ.ตร.ลงนามเห็นชอบก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการต่อไป
นอกจากนี้ ได้ประชุมคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งตร.ที่ 37/2559 คดีที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับพวก เป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีพูดในรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่11-14 มี.ค.2556 และวันที่ 18 มี.ค.2556 โดยมีนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เป็นพิธีกร และผู้เข้าร่วมรายการประกอบด้วย นายสุรเกียรติ เสถียรไทย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร และนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ คดีนี้มีผู้มาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศรายการดังกล่าว แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับใคร พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เพิ่งเข้ามารับผิดชอบสำนวนการสอบสวนยังไม่ได้พิจารณาเนื้อหาของรายการดังกล่าวว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ แต่หากพบว่าเนื้อหาของรายการเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นสถาบัน ผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะถูกดำเนินคดี นอกจากผู้ร่วมรายการแล้ว ยังมีผู้บริหารรวมถึงสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วย อย่างไรก็ตามอีก 15 วัน จะมีการเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้อีกครั้ง