การผลักดันการส่งออก นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ ประกาศคงเป้าหมายผลักดันการส่งออกในปีนี้ให้เติบโตราว ร้อยละ 5 แม้ว่าล่าสุดตัวเลขการส่งออกในเดือน ม.ค.59 ยังติดลบสูงถึง ร้อยละ 8.9 ต่ำสุดในรอบ 58 เดือน หรือ เกือบ 5 ปี และเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 แต่ไทยจะเน้นการรักษาส่วนแบ่งตลาดส่งออกเอาไว้ และหวังว่าจะทำให้การส่งออกพลิกกลับมาเป็นบวกได้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ถึงแม้การขยายตัวของการส่งออกในเดือน ม.ค.59 จะยังคงติดลบต่อเนื่อง แต่อย่ามองเพียงตัวเลขส่งออกอย่างเดียว ต้องปรับยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนให้แข่งขันในตลาดโลกได้ เพราะเมื่อเทียบกับการส่งออกของประเทศอื่นทั่วโลกที่ติดลบ ประเทศไทยมีการขยายตัวอยู่ในอันดับ 4 รองจากฮ่องกง จีน และเม็กซิโก ตามลำดับ และเชื่อว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกๆตลาด
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการส่งออก แต่รูปแบบการค้าเปลี่ยนแปลงไป โลกพึ่งพาการส่งออกและนำเข้าน้อยลง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มลดลง แต่ส่งออกด้านบริการกลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้จึงได้กำหนดโรดแมพและยุทธศาสตร์การค้าและการลงทุนของไทยในเวทีโลก เน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการค้าการลงทุน จากเดิมมีการส่งออกด้านสินค้าเพียงอย่างเดียวก็จะปรับเปลี่ยนให้มีการส่งออกด้านบริการมากขึ้น ซึ่งไทยมีแนวโน้มการส่งออกด้านบริการที่ดี พร้อมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการรวบรวมตัวเลขการส่งออกด้านบริการและมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแถลงตัวเลขภาวะการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจจะเห็นได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้
ส่วนเรื่องการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ จากเดิมต้องการเห็นนักลงทุนจากต่างประเทศมาลงทุนในไทย แต่จะมีการปรับเปลี่ยนส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเป้าหมายของการลงทุนของไทยในต่างประเทศกว่า ร้อยละ 30 ไปอยู่ในอาเซียน ด้านโครงสร้างภายในภาคอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงโดยลดการพึ่งพารายได้จากการส่งออกลง แต่เพิ่มการพึ่งพารายได้จากการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีสัดส่วนรายได้จากส่วนงานในต่างประเทศต่อรายได้รวมสูงขึ้น