*สมเด็จพระเทพรัตน์ฯเสด็จอินโดนีเซียชม สุริยุปราคาเต็มดวง ไทยเห็นบางส่วน 9 มี.ค.*

25 กุมภาพันธ์ 2559, 11:55น.


การชวนชม สุริยุปราคาบางส่วน ดร.ศรัณย์ โปษยะจินดา รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือสดร. เปิดเผยว่าสุริยุปราคาบางส่วนครั้งนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559  โดยประเทศไทยเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน และจะเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากที่สุดทางภาคใต้ ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณร้อยละ 69 กรุงเทพฯ ร้อยละ 41 และเชียงใหม่ ร้อยละ 27 โดยเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่เวลา 06:38 น. ดวงจันทร์บังลึกที่สุดเวลา 07:32 น. และสิ้นสุดในเวลา 08:32 น. รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง 54 นาที  



สดร.ได้วางแผนเดินทางไปสำรวจและเก็บข้อมูลการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ที่เมืองเตอร์นาเต หมู่เกาะโมลุกกะ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย พร้อมถ่ายทอดสดให้ได้ชมกันอีกด้วย ในวโรกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระราชหฤทัยและจะเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการเกิดสุริยุปราคาครั้งนี้ด้วย



ส่วนในประเทศไทย ได้เตรียมพร้อมตั้งจุดสังเกตุการณ์ 5 จุดใหญ่ทั่วประเทศ คือ ที่สวนเบญจกิติ กรุงเทพฯ / บริเวณดาดฟ้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลจ.เชียงใหม่ / หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.ฉะเชิงเทรา / หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา และลานชมวิวนางเงือก หาดสมิหลา จ.สงขลา ซึ่งทั้ง 5 จุดนี้จะสามารถมองเห็นได้มากที่สุด



สำหรับ ข้อปฏิบัติในการชมสุริยุปราคา ว่า ต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะเท่านั้น ห้ามดูด้วยตาเปล่าหรือใส่แว่นกันแดด เพราะแสงอาทิตย์จะทำลายเซลล์ประสาทตาจนทำให้ตาบอดได้ รวมไปถึงห้ามสังเกตุการณ์ผ่านกล้องทุกชนิด ทั้งกล้องถ่ายรูป กล้องโทรศัพท์มือถือ หรือกล้องโทรทัศน์ที่ไม่ติดฟิลเตอร์ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีเลนส์รวมแสง จะยิ่งทวีกำลังของแสงอาทิตย์มากยิ่งขึ้น นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสายตาแล้วยังอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายได้อีกด้วย



ส่วนใครที่พลาดชมสุริยุปราคาบางส่วนครั้งนี้ จะต้องรอไปอีกเกือบ 4 ปี ถึงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง คือ วันที่ 26 ธันวาคม 2562 และประเทศไทยจะเห็นสุริยุปราคาเต็มดวงได้อีกครั้งในอีก 54 ปีข้างหน้า คือวันที่ 11 เมษายน 2613 โดยจะเป็นสุริยุปราคาครั้งประวัติศาสตร์ เพราะเป็นสุริยุปราคาในชุดซารอสที่ 130 ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์นักดาราศาสตร์ทรงคำนวณไว้อย่างแม่นยำ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2411  นอกจากสุริยุปราคาแล้วในปีนี้ ยังมีปรากฏการณ์จันทรุปราคาให้ชมอีกสองครั้ง คือจันทรุปราคาเงามัวบางส่วนวันที่ 23 มีนาคม และจันทรุปราคาบางส่วนในวันที่ 16 กันยายน



สำหรับสุริยุปราคา เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ โลกและดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่ในระนาบเดียวกัน โดยมีดวงจันทร์อยู่ระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก เงาของดวงจันทร์ จะทอดยาวมายังโลก ทำให้คนบนโลก มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่ง  หรือมองไม่เห็นดวงอาทิย์เลย ประเทศไทยเห็นเป็นสุริยุปราคาบางส่วน  โดยครั้งนี้ จะเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งมากที่สุดทางภาคใต้ ที่ อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณร้อยละ 69 กรุงเทพฯ ร้อยละ 41 และเชียงใหม่ ร้อยละ 27 โดยเริ่มสังเกตได้ตั้งแต่เวลา 06:38 น. ดวงจันทร์บังลึกที่สุดเวลา 07:32 น. และสิ้นสุดในเวลา 08:32 น. รวมระยะเวลา 1 ชั่วโมง 54 นาที



ข่าวทั้งหมด

X