ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.
+++มาตรการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยแล้ง ที่ประชุมได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพให้นำรถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน และมีการขุดบ่อน้ำบาดาลและมีการทำฝนหลวงพระราชทานที่ทุกเหล่าทัพได้มีกรอบและแผนงานในการช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว นายสุรพล จารุพงศ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์ น้ำใน 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 ถึง 23 กุมภาพันธ์ 2559ว่ามีการใช้น้ำไปแล้วรวมทั้งสิ้น1,868 ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือน้ำใช้การได้จนถึงเดือนมิถุนายน 2559 ประมาณ3,068ล้านลูกบาศก์เมตรโดยมีการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก รวมกันประมาณวันละ18 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนของการเพาะปลูกข้าวนาปรังลุ่มน้ำเจ้าพระยา พบว่า มีพื้นที่ทำนาปรังไปแล้วกว่า1.96 ล้านไร่ มีแนวโน้มทรงตัว ปัจจุบัน มีการเก็บเกี่ยวแล้ว240,000 ไร่ ยังคงเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวอีกประมาณ1.72ล้านไร่ซึ่งน้อยกว่าปี2557/2558
+++ส่วนสถานการณ์ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยกรมชลประทาน ได้มีการตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดตรวจวัดน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำแล มีค่าความเค็ม เฉลี่ยประมาณ 0.15 กรัมต่อลิตรต่ำกว่าค่ามาตรฐานเพื่อการผลิตประปาที่กำหนดไว้ไม่เกิน 0.25 กรัมต่อลิตร ไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำดิบผลิตประปาของการประปานครหลวง
+++สถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน แหล่งน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว บางพื้นที่แห้งขอดโดยจ.บึงกาฬ ปริมาณแม่น้ำโขงลดต่ำสุดในรอบหลายปี อยู่ที่2.20 เมตรจนเกิดสันดอนทรายกลางน้ำทั้งที่ยังไม่ถึงเดือนเมษายน กระทบต่อการเดินเรือรับส่งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าไทย-ลาว ต้องเดินเรือไกลขึ้นกว่าเดิม 2เท่าโดยต้องวิ่งอ้อมสันดอนทราย
+++จ.พะเยา สถานการณ์ต้นน้ำยม เริ่มแห้งขอดในรอบหลาย 10ปี บางจุดแห้งขอดเห็นสันดอนอย่างชัดเจนจนเดินข้ามได้ทั้งที่มีปริมาณน้ำจาก ลำน้ำควรและลำน้ำงิม ไหลเข้าสมทบ อบต. เตรียมทำฝายกระสอบกั้นชั่วคราวเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง
++++นายเสรี ศุภราทิตย์ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา และถือว่าเป็นวิกฤตหนักสุดในรอบ 20 ปี โดยประมาณการความต้องการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งนี้จนถึงเดือน พ.ค. 2559 จะอยู่ที่ 2,600 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ซึ่งความต้องการใช้น้ำสูงกว่าที่มีอยู่ถึง 1,100 ล้าน ลบ.ม. ปีนี้ฝนจะมาล่าช้ากว่าปกติ ส่งผลกระทบต่อการปลูกข้าวนาปีของเกษตรกร ข้อมูลจากแบบจำลองภูมิอากาศคาดการณ์ฝนจะมาช่วงเดือน ส.ค. ดังนั้น เกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปีในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. มีความเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลนน้ำ จนทำให้ข้าวเสียหายกว่า 4 ล้านไร่ มูลค่าความเสียหาย 1.2 หมื่นล้านบาท ประมาณการจากต้นทุนทำนาไร่ละ 3,000 บาท
+++นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า คปภ.จะหารือกับภาคเอกชนปรับปรุงเงื่อนไขการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยพืชผล นาข้าว เพื่อให้เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายจากภัย แล้ง น้ำท่วม สามารถรับสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยได้ โดยไม่ต้องรอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศเป็นเขต ภัยพิบัติ
+++ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร เพื่อรองรับผลผลิตข้าวฤดูกาลผลิต 2559/2560 ซึ่งประกอบด้วยแผนระยะสั้น 6 เดือน แผนระยะกลาง 12 เดือน และระยะยาว 18 เดือน พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณ 10,089 ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาปลูกข้าวแบบนาแปลงใหญ่ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร (ธ.ก.ส.) จะปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 0.1% กลุ่มละไม่เกิน 5 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี โดยรัฐบาลจะรับภาระดอกเบี้ย 3.9% คิดเป็นเงิน 83 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มชาวนา 423 กลุ่ม ส่งเสริมการปลูกพืชที่ หลากหลาย เช่น พืชไร่ พืชตระกูลถั่ว แทนการปลูกข้าว 648 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายลดพื้นที่ปลูกข้าว 3 แสนไร่ ใน 22 จังหวัดลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และ 4.โครงการปลูกพืชเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพดินหรือปลูกพืชที่เป็นปุ๋ยสดในนาข้าวในพื้นที่ 5 แสนไร่ ใน 22 จังหวัด วงเงิน 2,382 ล้านบาท
+++ส่วนที่ 2 จะจัดงบกลางปีงบ 2560 ให้กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินมาตรการพยุงราคาข้าวเปลือก เช่น ชะลอการผลิตข้าว เก็บผลผลิตข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉาง และสนับสนุนให้สหกรณ์ต่างๆ รับซื้อข้าวเปลือกส่วนเกินมาเก็บไว้ในบางช่วงเวลา นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สต๊อกข้าวในปัจจุบันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาข้าว ซึ่งรัฐบาลจะต้องหาทางระบายออกไปให้เร็วที่สุด
++++หลังพระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร และเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ระบุว่าหากมีการออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 15 ก.พ. มารับทราบข้อกล่าวหา จะมีการเคลื่อนไหวออกมาชุมนุมที่สถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (ผบช.ภ.7) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนที่ บช.ภ.7 เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีการออกหมายเรียกพระเมธีธรรมาจารย์ ตามที่เป็นกระแสข่าว พนักงานสอบสวนอยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดเท่านั้น ส่วนจะมาชุมนุมนั้น ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายจะดีกว่า ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการข่มขู่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ส่วนการตรวจสอบคดีรถเบนซ์ จดประกอบผิดกฎหมาย ทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะทำหนังสือไปถึงวัดปากน้ำ เพื่อขอนัดเข้าพบสมเด็จช่วงว่าจะสะดวกหรือไม่ ส่วนการรับรถของกลางคืนจะดำเนินการภายหลังเข้าพบกับสมเด็จช่วงแล้ว พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ดีเอสไอ กล่าวว่า หจก.สายชลมอเตอร์ ที่ถูกอ้างในเอกสารการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ และจดประกอบรถคันดังกล่าว ดีเอสไอตรวจแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะไม่พบในสารบบของกรมธุรกิจการค้าและไม่จดทะเบียนบริษัท หจก. สายชล มอเตอร์ เป็นสถานประกอบการที่ไม่มีตัวตนจริง แต่ถูกแอบอ้างขึ้นมาและปลอมแปลงใบเสร็จรับเงินและเอกสารทั้งหมด
ด้านสำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ มีหนังสือลงวันที่ 24 ก.พ.2559 ถึงพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เรื่อง ให้นำรถยนต์แพนเธอร์ รุ่นปี 1977 สีดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 8L66240-L หมายเลขตัวรถ 731 ซึ่งมีชื่อของท่านเป็นผู้ครอบครองและเจ้าของกรรมสิทธิ์ มาตรวจสอบที่อาคารจอดรถไปรษณีย์ เขตหลักสี่ กทม. ในวันที่ 2 มี.ค. 2559 เวลา 10.00 น. ด้านหลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่า วันที่ 26 ก.พ.เวลา 09.00 น.จะแถลงต่อสื่อมวลชนเรื่องรถโบราณคันดังกล่าวอย่างเป็นทางการที่วัดไผ่ล้อม
+++ส่วนกรณีที่นายสุวพันธุ์ ตัณยุวรรณะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ มอบให้สำนักพุทธฯรวบรวมข้อมูลทั้งฝ่ายหนุนและฝ่ายคัดค้านกรณีเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ เป็นสมเด็จพระสังฆราช เบื้องต้น สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้สรุปข้อมูล 5 ข้อหลักๆกรณีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช 1.ความเคลื่อนไหวมีฝ่ายสนับสนุน คือ กรรมการมหาเถรฯทุกรูป คณะสงฆ์โดยรวมทั้งประเทศทั้งฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต เครือข่ายองค์กรชาวพุทธเกือบทั้งหมด และมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง ส่วนฝ่ายคัดค้าน คือ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือพระพุทธะอิสระ, นายไพบูลย์ นิติตะวัน และเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกศิษย์ของพระพุทธะอิสระ 2.ความเห็นและท่าที ของสังคมต่อกิจกรรมของคณะสฆ์ และ วัดพระธรรมกาย ในส่วนของคณะสงฆ์ ชาวพุทธที่อ้างตนเป็นชาวพุทธเชิงวิชาการ และ ลูกศิษย์สันติอโศก รวมถึงลูกศิษย์ของพระพุทธะอิสระ โจมตีกิจกรรมของคณะสงฆ์ทั่วประเทศ ส่วนของวัดพระธรรมกาย เป็นวัดขนาดใหญ่มีประชาชนบางส่วนปฏิเสธวัดนี้ แต่เมื่อมีข่าวผ่านสื่อมากขึ้น ทำให้ประชาชนอีกส่วนเกิดความท้าทายเข้ามาพิสูจน์ จึงทำให้มีกลุ่มคนใหม่ๆเข้าวัดพระธรรมกายเพิ่มขึ้น
+++3.สถานะปัจจุบันของคดีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อ 1 และข้อ 2 เช่น คดีรถโบราณของสมเด็จช่วง ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของดีเอสไอ แยกเป็น 2 คดี คือคดีแพ่ง โดนข้อหาหลีกเลี่ยงเสียภาษี หากยกรถให้ทางราชการ หรือชำระค่าเสียภาษีที่ยังขาดอยู่ คดีทางแพ่งก็จะระงับลง และคดีอาญา โดนข้อหาสำแดงเอกสารเท็จต่อทางราชการ ความผิด จะตกอยู่กับผู้นำเข้ารถและผู้สำแดงเอกสารต่อทางราชการ ส่วนสมเด็จช่วงเป็นผู้ซื้อในมือสุดท้าย ตามกฎหมายไม่มีความผิด 4.ขอให้สำนักพุทธฯ จัดทำความคิดเห็นพิจารณาต่อข้อเสนอ 5 ข้อที่เครือข่ายคณะสงฆ์และองค์กรภาคีพุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศ (คสพ.) เสนอต่อรัฐบาล และ 5.สรุปปัญหาปัจจุบัน ซึ่งจากการสรุปทั้ง 5 ข้อแนวโน้มต่อไปหากปล่อยกลุ่มบุคคลโจมตีคณะสงฆ์อย่างรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จะทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น ต้องหาทางระงับการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่โจมตีคณะสงฆ์ เร่งรัดเรื่องรถโบราณให้กระจ่าง
+++วันนี้ เวลา 09.00 น. พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธอดีตนายกรัฐมนตรี จะเปิดบ้านซอยปิ่นประภาคมเพื่อมีข้อเสนอในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันต่อ คสช และประชาชนทั่วไป