คณะกรรมการพิเศษที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามคอร์รัปชั่นแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ของมาเลเซียมีมติให้ป.ป.ช.ส่งมอบผลสอบสวนเกี่ยวกับบริษัทเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล บีเอชดี บริษัทย่อยของกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐ(1เอ็มดีบี) ซึ่งนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ทำหน้าที่ประธานที่ปรึกษากองทุน ให้กับอัยการสูงสุด(อสส.)ของมาเลเซียเพื่อพิจารณาทบทวนอีกครั้งในเรื่องเงิน 681 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่ราชวงค์แห่งซาอุดิอาระเบียพระราชทานให้กับนายนาจิบ
ความเคลื่อนไหวเรื่องนี้มีขึ้นหลังนายโมฮาเหม็ด อาปันดี อาลี อัยการสูงสุดมาเลเซียสั่งไม่ฟ้อง ระบุว่า จากรายงานของป.ป.ช.ไม่พบว่านายนาจิบกระทำความผิดในเรื่องเงินบริจาคและเงินฝากมูลค่า 42 ล้านริงกิต(9.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)ที่บริษัทเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล โอนเข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัวของผู้นำมาเลเซีย นายอาปันดีจึงมอบเอกสารการสอบสวนคืนให้กับป.ป.ช.พร้อมแถลงปิดคดี
ขณะเดียวกัน อดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ท้าให้รัฐบาลของนายนาจิบฟ้องศาลเพื่อให้ดำเนินคดีกับเขา ถ้ารัฐบาลเห็นว่าเขาทำผิดกฎหมาย หมายถึงการที่เขากล่าวหาผู้นำมาเลเซียเมื่อไม่นานมานี้ว่าคอร์รัปชั่น ยืนยันว่า ไม่ใช่ทำเพื่อส่วนตัว เขาเป็นอดีตข้าราชการบำนาญคนหนึ่ง ได้รับเงินบำนาญ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อเดือน
อดีตผู้นำมาเลเซีย กล่าวว่า มีความสุขกับชีวิต ไม่ได้เดือดร้อน เพียงแต่รู้สึกวิตกกังวลเรื่องอนาคตของประเทศ อดีตผู้นำวัย 90 ปีพูดเรื่องนี้หลังถูกตำรวจสอบปากคำในวันนี้กรณีการแสดงความเห็นทางบล็อคส่วนตัวเมื่อไม่นานมานี้ วิจารณ์นายอาปันดีที่สั่งไม่ฟ้องนายนาจิบว่า เป็นเพราะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่นายนาจิบแต่งตั้งให้เขาดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด
ทีมต่างประเทศ
CR:Reuters