การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม นางนงภรณ์ รุ่งเพ็ชรวงศ์ รองอธิบดีคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมมีการตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชน โดยนำคนในชุมชนเป็นอาสาสมัครซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 1 แสน โดยมีศูนย์ยุติธรรมตำบลทุกตำบลทั่วประเทศ มีคณะกรรมการเฝ้าระวังปราบปรามป้องกัน คุมประพฤติและช่วยเหลือเยียวยา ส่วนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ดำเนินการส่งเสริมความรู้เรื่องกฎหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถปกป้องสิทธิของตัวเองได้และไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่น และในส่วนการส่งเสริมการระงับข้อพิพาท มุ่งเน้นการจัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยทุกจังหวัด เร่งรัดการจัดทำ พ.ร.บ.ยุติธรรมชุมชนและ พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยชุมชน รวมไปถึงมีคลินิกยุติธรรมทุกจังหวัด โดยมีทนาย 1 คนต่อคลินิกโดยให้คำปรึกษาไม่คิดค่าใช้จ่ายนอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งกองทุนยุติธรรม โดยมีทนายความว่าความให้ผู้ต้องหาทุกคนที่ไม่มีค่าใช้จ่าย จัดระบบล่ามและพัฒนาล่ามในการช่วยเหลือผู้ต้องหา และสามารถขอปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งคำพูดที่ว่าคนจนนอนคุก คนรวยนอนบ้านจะไม่มีอีกต่อไป ส่วนเรื่องโทษประหาร ขณะนี้กำลังศึกษาว่ามีความผิดใดบ้างที่ไม่สามารถลดหย่อนได้ หลังจากนั้นจะเปลี่ยนไปใช้ดุลยพินิจของศาลในการตัดสิน และต่อจากนั้นจะยกเลิกโทษประหารไปเลย ซึ่งตั้งแต่ปี 2552 แม้ว่าประเทศไทยจะมีโทษประหารชีวิตแต่ไม่ได้ประหารชีวิตนักโทษรายใดเลย
ส่วนการรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำปี 2558-2559 โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นายชำนาญ จันทร์เรือง ประธานกรรมการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย กล่าวว่า ทั่วโลกมี 113 ประเทศ มีการจำกัดสิทธิในการแสดงออกคุกคามสื่อมวลชน มากกว่า 30 ประเทศ บังคับให้ผู้ลี้ภัยไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง รวมถึงมีการจับกุมเพียงเพราะการแสดงออกด้านสิทธิเสรีภาพ มีการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกันในด้านดีก็มี 20 ประเทศทั่วโลกให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานกันได้ ทั้งนี้ในการต่อสู้และรณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนก็มีความสำเร็จเช่นกันคือ เรื่องการปกป้องนักสิทธิมนุษยชน และการรณรงค์โทษประหารชีวิตก็หลายประเทศยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าว
ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทย การเคารพสิทธิมนุษยชนถดถอยเป็นอย่างมากในช่วงปี2558 ทั้งเรื่องสถานการณ์การเมืองและสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แอมเนสตี้ เรียกร้องรัฐบาลไทยให้ความสำคัญเรื่องนี้ ทั้งนี้ วันนี้นายชำนาญ ได้มอบรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนให้ แก่ นายอภิรักษ์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ตัวแทนรัฐบาลเพื่อนำไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งนายอภิรักษ์ กล่าวว่า รัฐบาลยินดีรับฟังและนำไปพิจารณา เพราะเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของทุกคนในประเทศ
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี